จับคนไทยร่วมแก๊ง ค้าซากสัตว์ป่า ผงะมีทั้งเล็บหมี กะโหลกเสือ นับพันชิ้น ส่งขายลูกค้าประเทศเพื่อนบ้าน ทำเป็นเครื่องประดับ เครื่องรางของขลัง เชื่อช่วยอยู่ยงคงกระพัน

ค้าซากสัตว์ป่า / เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ที่ตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.ภ.1พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง ผบก.สส.บช.ภ.1 พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี ผกก.1 บก.สส.ภ.1 นายถิรเดช ปาละสุวรรณ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษและหัวหน้าชุดเหยี่ยวดง นายศักด์ชัย จงกิจวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟป่า และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปทส.

ร่วมแถลงข่าวจับกุมตัวผู้ต้องหาในเครือข่ายลักลอบค้าซากสัตว์ป่าข้ามชาติ จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย 1.นายกะต่าย สีสุวัน อายุ 28 ปี สัญชาติลาว 2.นายวราพงศ์ พันธ์แจ่ม อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 ซ.รามคาแหง 170 แยก 15 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพ 3.นายเหงียน วัน เฮิบ อายุ 39 ปี สัญชาติเวียดนาม และ 4.นายธรรมนูญ คงดี อายุ 44 ปี นายทุนที่รวบรวมซากสัตว์ป่าต่างๆ

โดยแจ้งข้อหา “ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าสงวนหรือซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยกันจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อรับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งสัตว์ป่าหรือซาก ของสัตว์ป่าอันได้มาโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพยายามนำเข้าหรือส่งออก ซึ่งสัตว์ป่าหรือซากสัตว์ป่าชนิดที่รัฐมนตรี ประกาศกาหนด หรือนำผ่านซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากสัตว์ป่า”

พร้อมของกลาง 1.ซากสัตว์ป่าบรรจุอยู่ภายในถุงพลาสติกสีฟ้าพันด้วยเทปกาว จำนวน 4 ห่อ 2.ซากสัตว์ป่าบรรจุอยู่ภายในถุงพลาสติกใส ใส่อยู่ภายในถุงดำ จำนวน 1 ถุง 3.ชิ้นส่วนกระดูกสัตว์ป่า จำนวน 4 ชิ้น คือกะโหลกสัตว์กลุ่มเสือ จำนวน 4 ชิ้น

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

4.กระเป๋าเดินทางสีดำ จำนวน 1 ใบ 5.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน 5 สีชมพู จำนวน 1 เครื่อง 6.โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน 6 สีเงิน จำนวน 1 เครื่อง 7.แม่กุญแจยี่ห้อ Tri-Circle จำนวน 1 ตัว โดยรายการที่ 1, 2 ตรวจสอบแล้วเป็นซากเล็บหมี จำนวน 1,666 ชิ้น (คาดว่าซากดังกล่าวมาจากหมีไม่น้อยกว่า 83 ตัว)

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า สืบเนื่องจากการจับกุมเครือข่ายลักลอบค้างาช้างแปรรูปรายใหญ่ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2561 ที่ด่านศุลกากรนครพนม โดยจับกุมนางเหงียน กี่ ทัน ชาวเวียดนาม พร้อมของกลางงาช้างแปรรูปมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท

ต่อมาศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าและทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสำนักงานตำรวจ แห่งชาติ (ศปทส.ตร.) สั่งการให้สืบสวนขยายผลจับกุมเครือข่ายดังกล่าวในทุกมิติ ตำรวจภูธรภาค 1 โดย ศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าและทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ศปทส.ภ.1) มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผลเครือข่ายกลุ่มขบวนการดังกล่าว

เจ้าหน้าที่จึงเร่งขยายผล จนทราบว่ามีกลุ่มลักลอบขนซากสัตว์ป่าส่งออกนอกประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะนำกระเป๋าบรรจุซากสัตว์ ขึ้นรถโดยสารไปกับรถประจำทางระหว่างประเทศ กระทั่งวันที่ 19 ม.ค.2562 เจ้าหน้าที่สืบทราบว่ากลุ่มขบวนการดังกล่าว นำซากสัตว์บรรจุกระเป๋าเดินทางส่งไปกับรถโดยสารประจำทางสาย กรุงเทพ-ปากเซ เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังจัดชุดจับกุม เพื่อดักทางคนร้าย ก่อนทราบว่ารถโดยสารคันดังกล่าวจะผ่านในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา

โดยประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงวังน้อย ดักสะกัดรถต้องสงสัย ก่อนมาพบรถโดยสารต้องสงสัยดังกล่าว ที่บริเวณหน้าตู้บริการตำรวจทางหลวงวังน้อย ต.สนับทึก อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น พบกระเป๋าวางอยู่บริเวณช่องเก็บของด้านหน้าคนขับ ก่อนทราบว่านายกะต่าย สีวุวัน รับว่าเป็นเจ้าของกระเป๋าและเป็นผู้ขับขี่รถโดยสารกรุงเทพ-ปากเซ

นายกะต่าย กล่าวว่า ชายชาวเวียดนามชื่อ นายมิ้น เป็นผู้ประสานงานในการรับฝากและให้นายกะต่าย ไปส่งให้กับชายชาวลาว อายุประมาณ 30 ปี ที่จะมารอรับกระเป๋าอยู่ที่ปากเซ

จากการตรวจค้นพบว่ามีซากสัตว์ส่วนของเล็บหมี จำนวน 1,666 ชิ้น ซึ่งคาดว่าจะเป็นชิ้นส่วนของหมีควาย รวมแล้วไม่น้อยกว่า 84 ตัว และยังพบกะโหลกเสือไม่ทราบพันธุ์และอายุอีกด้วย ทั้งนี้ของกลางดังกล่าวเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ที่มีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 8 ล้านบาท

ทั้งนี้ จากการสืบสวนทราบว่า เครือข่ายดังกล่าว มีนายธรรมนูญเป็นนายทุน ทำหน้าที่คอยรวบรวมซากสัตว์ป่า ก่อนให้นายวราพงศ์และนายเหงียน วัน เฮิบ ชาวเวียดนาม เก็บและบรรจุซากสัตว์ป่าลงกระเป๋า แล้วส่งให้นายกะต่าย ซึ่งเป็นคนขับรถโดยสาร (บขส.) นำไปส่งต่อให้กับลูกค้าตามท่ารถประเทศเพื่อนบ้าน

ส่วนนายมิ้นชาวเวียดนาม เป็นผู้ประสานงานเครือข่ายกับลูกค้า ซึ่งเป็นชายชาวลาว (ไม่ทราบชื่อ) วัย 30 ปี ในการนำซากสัตว์ป่าไปส่งยังประเทศที่ 3 ส่วนซากสัตว์ป่าของกลางนั้น จากการสอบสวนทราบว่า เล็บหมีจะถูกนำไปทำเป็นเครื่องประดับ และเครื่องรางของขลัง เนื่องจากมีความเชื่อว่าพกติดตัวจะฟันแทงไม่เข้า มีราคารับซื้อประมาณ 700 บาท แต่เมื่อนำไปแปรรูปเป็นเครื่องประดับจะมีราคาสูงถึง 8,000-10,000 บาท ส่วนกะโหลกสัตว์กลุ่มเสือจะนำไปบดเพื่อทำยา

นอกจากนี้ ยังขยายผลเครือข่ายลักลอบค้าซากสัตว์ป่าข้ามชาติ สามารถจับกุมตัว นายวราพงศ์ สัญชาติ เวียดนาม ที่ทำหน้าที่จัดเก็บและบรรจุจัดส่ง ซากสัตว์ป่า พร้อมทั้งได้ตรวจค้นบ้านนายธรรมนูญ คงดี นายทุนที่รวบรวม ซาก สัตว์ป่าต่างๆ และตรวจยึดซากสัตว์ป่าคุ้มครองจำพวกสัตว์เลื้อยคลานได้แก่ ซากเต่ากระ 2 ซาก และซากเต่าตนุ 1 ซาก ไว้เพื่อตรวจการอนุญาตครอบครอง

ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับ นายธรรมนูญไว้แล้ว โดยการสืบสวนทราบว่าเครือข่ายดังกล่าวลักลอบส่งซากสัตว์ป่าออกนอกประเทศมาแล้วไม่น้อยกว่าสิบครั้ง

ขบวนการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติที่จับกุมได้นี้ เป็นขบวนการที่มีเครือข่ายกว้างขวาง มีการติดต่อค้าขายและสั่ง การกันทางออนไลน์ มีเครือข่ายเชื่อมโยงหลายจังหวัดในประเทศไทย และเชื่อมโยงกับหลายประเทศ ทั่ง สปป.ลาว, เวียดนาม และจีน และมีความเชื่อมโยงกับขบวนการค้างาช้างที่จับกุมได้ที่จ.นครพนม เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.61 ซึ่งจะได้สืบสวนขยายผล ติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีต่อไป

เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลติดตามผู้ร่วมขบวนการ จึงแจ้งข้อหา “ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าสงวนหรือซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยกันจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนา หรือรับไว้โดยประการใด

ซึ่งสัตว์ป่าหรือซากของสัตว์ป่าอันได้มาโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพยายามนำเข้าหรือส่งออกซึ่งสัตว์ป่าหรือซากสัตว์ป่าชนิดที่รัฐมนตรี ประกาศกำหนด หรือนำผ่านซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากสัตว์ป่า ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน