บิ๊กโจ๊ก สั่งลุย ‘สำเพ็ง’ จับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ 2 พันชิ้น พบต่างชาติทำธุรกิจผิดกฎหมาย

เมื่อเวลา 17.00น. วันที่ 30 ม.ค. ที่กองบังคับการตำรวจจราจร(บก.จร.) ถนนวิภาวดี-รังสิต แขวงและเขตจตุจักร กรุงเทพฯ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผบก.จรายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ เลขานุการกรมสำนักงาน ปปง. พ.ต.อ.พุฒิพงศ์ มุสิกูล รอง ผบก.ปอศ พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผกก.สน.ห้วยขวาง และพ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว ผกก.คธม. บช.ทท. (ตำรวจกองกำกับการควบคุมธุรกิจ นำเที่ยวและมัคคุเทศก์)

ร่วมกันแถลงข่าวผลการปิดล้อมตรวจค้น ตลาดสำเพ็ง 15 จุด จับกุมเจ้าของร้านขายสินค้า 7 คน เป็นชาวจีน 4 คน ชาวไทย 3 คน และลูกจ้างผู้ดูแลร้าน 12 คนเป็นชาวจีน 3 คน ลาว 5 คน พม่า 4 คน กัมพูชา 1 คน ไทย 5 คน ไม่ทราบสัญชาติ 1 คน รวม 19 คน

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากชุดสืบสวนพบว่า มีกลุ่มชาวต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย ซึ่งเป็นการแย่งอาชีพคนไทย และส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ จึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการกำลังเข้าตรวจสอบการประกอบธุรกิจของคนต่างชาติ บริเวณตลาดสำเพ็ง แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธ์วงศ์ กรุงเทพฯ

โดยจับกุมผู้ต้องหา 19 คน พร้อมของกลางสินค้าประเภทต่างๆ หลายรายการ อาทิ กระเป๋า และหมวก ซึ่งเป็นสินค้าที่ละเมิดเครื่องหมายการค้ากว่า 2,000 ชิ้น มูลค่าความเสียหายกว่า 2 แสนบาท ทั้งนี้ พบการกระทำความผิดในเรื่องการทำงานของคนต่างด้าว สินค้าไม่ผ่านการตรวจของศุลกากร ความผิดเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้า และพ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

จากการตรวจสอบภาพรวมในวันนี้พบว่า บรรดาร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์มีการนำลูกจ้าง ซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงาน ในส่วนนี้จะทำการตรวจสอบเอกสารเพื่อดูการเดินทางเข้ามาในประเทศ และการเข้ามาทำงานว่าถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกต้องก็ดำเนินคดีในเรื่องของการทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต

“หลังจากนี้ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนทำการขยายผลการเข้ามาประกอบธุรกิจว่าเข้าข่ายนอมินีหรือไม่ หากพบจะต้องดำเนินการเด็ดขาด และขยายผลถึงนายทุนที่แท้จริง พร้อมนำเรื่องการใช้มาตรการยึดทรัพย์ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ซึ่งการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าว

ด้านนายพีระพัฒน์ กล่าวว่า ในส่วนของพฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายความผิดมูลฐานของพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งหลังจากนี้ทางสำนักงานปปง. จะเข้ามาร่วมดำเนินการในส่วนของการตรวจสอบเส้นทางการเงินว่า มีส่วนพัวพันไปยังบุคคล หรือกลุ่มนายทุนใด ก็จะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันเสนอจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมหรือเลียนเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักร นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.จักรวรรดิ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน