หนุ่มป.ตรี ดับคาคุก โดนจับ เมาขับวันสงกรานต์ อธิบดีราชทัณฑ์ ไม่เชื่อ ลื่นล้มในห้องน้ำ

จากกรณีที่ นายพรหมปัญญา เกษหอม อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาคดี เมาแล้วขับ ในช่วง 7 วันอันตราย เทศกาลสงกรานต์ และถูกศาลสั่งปรับเมาแล้วขับ เป็นเงิน 6,000 บาท แต่นายพรหมปัญญา ไม่มีเงินเสียค่าปรับเนื่องจากมีฐานะค่อนข้างยากจน จึงถูกส่งตัวมาคุมขัง ที่สถานกักขัง จ.ศรีสะเกษ แทนการเสียค่าปรับ ก่อนเสียชีวิตภายในสถานที่กักขังดังกล่าว เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยพบว่า ทั่วร่างกายมีแผลฟกช้ำ ปากเจ่อ ศีรษะบวม ตามที่เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 21 เม.ย. พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เดินทางมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่สถานกักขัง จ.ศรีสะเกษ พร้อมหารือร่วมกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลและตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียด มีการนำตัวผู้ต้องขังที่อยู่ในเหตุการณ์มาทำการสอบสวนเบื้องต้น

โดยมี นางสุรินทร์ เกษหอม อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23 หมู่ 9 บ้านนิคมหนองฉลอง ต.หนองฉลอง อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ แม่ผู้เสียชีวิตพร้อมญาติ มารอพบเพื่อขอความเป็นธรรมและขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด แต่ทางเจ้าหน้าที่สถานกักขัง จ.ศรีสะเกษ แจ้งว่า ภาพในกล้องวงจรปิดและเอกสารต่าง ๆ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ ได้นำไปใช้ในการประกอบสำนวนคดีหมดแล้ว

ต่อมา พ.ต.อ.ณรัชต์ ได้พบกับนางสุรินทร์ พร้อมกล่าวแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดย พ.ต.อ.ณรัชต์ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ และขอให้นางสุรินทร์กลับไปบ้านที่ อ.ขุขันธ์ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพ โดยอธิบดีกรมราชทัณฑ์และคณะ จะไปเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมศพในวันนี้ด้วย และมอบเงินส่วนตัวจำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นการช่วยเหลือเยียวยานางสุรินทร์ ในเบื้องต้น

พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าเกิดอุบัติเหตุจากการลื่นล้มในห้องน้ำ ทำให้นายพรหมปัญญาเสียชีวิต เรื่องดังกล่าว อาจจะเป็นการก้าวล่วงอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนเกินไป แต่เหตุผลที่ทางเจ้าหน้าที่ ได้ระบุถึงสาเหตุการเสียชีวิต โดยใช้พยานซึ่งเป็นผู้ต้องขังด้วยกันไว้ว่า ผู้เสียชีวิตลื่นล้มเองนั้น เป็นเหตุผลที่ไม่น่าเชื่อ

ซึ่งจากประสบการณ์ของตน คาดว่าน่าจะเกิดจากการถูกรุมทำร้ายมากกว่า ซึ่งบังเอิญว่าสถานกักขังแห่งนี้ มีห้องขังขนาดเล็กต้องอยู่กันอย่างแออัดยัดเยียด โดยห้องที่เกิดเหตุ กว้าง 5 เมตร ยาว 10 เมตร เท่ากับ 50 ตร.ม. ตามหลักแล้วจะรองรับผู้ต้องขังเพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น แต่ว่าขณะนี้อยู่กันในห้องขังจำนวนมากถึง 237 คน

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวต่อว่า ตนจะดำเนินการ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยจะแต่งตั้งให้ผู้บัญชาการเรือนจำ จ.อุบลราชธานี เป็นประธานกรรมการสอบสวน เนื่องจากว่ามีศักดิ์สูงกว่าสถานที่กักขัง จ.ศรีสะเกษ พร้อมทั้งจะสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบ ทั้งโดยตรงและใกล้ชิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นออกจากพื้นที่

ทั้งนี้เพื่อให้การสอบสวนเป็นไปอย่างโปร่งใส และเป็นการปรามเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ผิดพลาดที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ขึ้น ส่วนการช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตนั้น ตนได้มอบเงินส่วนตัวช่วยเหลือค่าทำศพเป็นการเบื้องต้น และจะหาทางเยียวยาช่วยเหลือตามระเบียบของทางราชการต่อไป

ด้านนางสุรินทร์ กล่าวว่า ตนเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เนื่องจากว่าลูกชายของตนเป็นคนตั้งใจทำมาหากิน เรียนจบปริญญาตรีแล้วก็มาช่วยดูแลแม่ เนื่องจากว่าแม่อยู่คนเดียว ตนกำลังไปกู้ยืมเงินมา เพื่อจะสร้างร้านซ่อมรถจยย.ไว้ให้ลูกชายทำมาหากิน แต่ว่าลูกชายต้องมาเสียชีวิตอย่างที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ตนจะขอต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมให้กับลูกชายจนถึงที่สุดและจะยังไม่เผาศพลูกชาย จนกว่าจะได้ตัวคนร้ายมาดำเนินคดี


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน