จากกรณีเด็กชายวัย 8 ขวบ ถูกรั้วไฟฟ้าชอร์ตจนเสียชีวิต ขณะออกมาวิ่งเล่น บริเวณไร่มันสำปะหลัง หมู่บ้านเขว้า หมู่ 2 ต.อีสานเขต อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (24 เม.ย.) ขณะที่เพื่อนบ้านระบุไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีรั้วไฟฟ้า นอกจากนี้ ตำรวจได้แจ้งข้อหา นายธนภัทร ไขรัมย์ อายุ 46 ปี เจ้าของไร่มันสำปะหลัง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 25 เม.ย. ได้มีบรรดาเพื่อน และญาติพี่น้อง เดินทางมาที่บ้านของผู้เสียชีวิต ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างรู้สึกสลดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่มีใครเคยรู้มาก่อนว่าในหมู่บ้าน จะมีการทำรั้วลวดหนามแล้วต่อกระแสไฟฟ้าจากไฟบ้านไปเพื่อกันวัวควาย เพราะเจ้าของไร่มันก็ไม่เคยบอกคนในหมู่บ้านเลย จึงคิดว่าเป็นแค่รั้วลวดหนามธรรมดา กระทั่งเกิดเหตุสลดดังกล่าวขึ้นถึงได้รู้ และต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่ควรจะถึงขั้นต้องทำรั้วไฟฟ้าล้อมกันวัวควาย แค่ทำรั้วลวดหนาม หรือรั้วไม้ก็ป้องกันได้แล้ว

ขณะที่ นายธนภัทร เจ้าของไร่มันสำปะหลัง บอกว่า ปีนี้เป็นปีแรกที่ตนทดลองปลูกมันบนเนื้อที่ 1 ไร่ เพราะเห็นว่าหมดฤดูทำนาพื้นที่ว่างเปล่าไม่ได้ทำอะไร และปลูกมาได้ประมาณ 3 เดือนแล้ว ตอนแรกก็ทำรั้วลวดหนามธรรมดา แต่เห็นว่ามีวัวควายเดินผ่านไปมาบ่อย จึงเกรงว่าจะเข้าไปกัดกินและเหยียบย่ำต้นมันทำให้ได้รับความเสียหาย

จึงได้ต่อกระแสไฟผ่านเส้นลวดรอบพื้นที่ปลูกมัน และผูกพลาสติกสีขาวไว้เป็นสัญลักษณ์ แต่ยอมรับว่าไม่ได้บอกชาวบ้านให้รู้ เพราะไม่ได้เปิดกระแสไฟตลอด จะเปิดเป็นครั้งคราวเฉพาะช่วงที่เห็นวัวควายเดินผ่านเท่านั้น ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุสลดดังกล่าวขึ้น รู้สึกเสียใจมากเพราะตนก็คุ้นเคยกับน้องที่เสียชีวิต จะหยอกล้อกันเล่นเป็นประจำเพราะบ้านอยู่ใกล้กัน ลูกของตนก็อายุไล่เลี่ยกัน ก็กราบขอโทษครอบครัวของน้องผู้เสียชีวิตด้วย

“ผมได้เข้าพบตำรวจและรับทราบข้อกล่าวหาเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งพร้อมรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากเสร็จงานศพน้องก็จะไปพูดคุยกับทางครอบครัวของน้อง เพื่อแสดงความรับผิดชอบ อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุก็ได้ให้ลูกชายไปรื้อรั้วลวดหนามที่ต่อกระแสไฟออกหมดแล้ว ก่อนที่น้องจะเสียชีวิตผมก็เพิ่งไปกอดเขา กระทั่งเขามาจากไป นอกจากนี้ผมก็จะเลิกปลูกมันสำปะหลังเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกฝังใจ และเป็นอุทาหรณ์ครั้งสำคัญในชีวิต อยากฝากถึงคนอื่นๆ ด้วยว่าไม่ควรจะทำรั้วไฟฟ้ากั้นพืชไร่เหมือนกับผม เพราะอาจเกิดอันตรายขึ้นได้ตลอดเวลา” นายธรภัทร กล่าว

ขณะที่ลุงของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ก่อนจะถึงวันเกิดเหตุหลานได้ใช้ปากกาเมจิกเขียนกับพนังหน้าบ้านของตนคำว่า “ตาย” ทั้งที่ก่อนหน้านี้เพิ่งจะหัดพูดและเขียนหนังสือ จึงคิดว่าน่าจะเป็นลางบอกเหตุจนเกิดเหตุสลดขึ้น และปกติหลานจะมาเล่นกับลูกชายตนเป็นประจำ และหากวันนั้นลูกชายของตนเดินไปด้วยก็คงจะเสียชีวิตเหมือนกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน