เรื่องราวของ ชายวัย 71 ปี ที่ชาวบ้านอำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี รู้จักกันดี ต่างเรียกกันว่า ลุงเช็ง คนมีเสน่ห์ของแท้ ในทุกๆวันลุงเช็งและศรีภรรยา จะนำเรือโบราณ พานักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวตลาดสามชุกร้อยปี มาล่องเรือ ชมวิถีชีวิตริมน้ำท่าจีนและพาไปชมบ้านเรือนไทยของตัวเองที่เก่าแก่มานานกว่า 100 ปี ที่เปิดเป็นโอมสเตย์ และ พิพิธภัณฑ์ บ้านเรือนไทยสาคร ที่ถูกรวบรวมเรื่องราวในอดีตมาไว้ที่นี่ จนน่าทึ่ง จนแทบไม่น่าเชื่อว่า ที่สามชุกยังมีอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่มีมนต์สเน่ห์อีกแห่งหนึ่ง ที่ไม่ควรพลาดไปเที่ยวชม

บ้านเรือนไทยสาคร ตั้งอยู่ที่ บ้านเลขที่ 13 หมู่ที่ 1 ต.สามชุก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี เป็นบ้านเรือนไทยหมู่ขนาดใหญ่ อยู่รวมกันหลายหลังเชื่อมต่อกันเป็นแนวยาว กว่า 16 หลัง มีความเก่าแก่ ไม่ต่ำกว่า 100 ปี ซึ่งเป็นความคิดริเริ่มของ นายสุจิตต์ เล่ห์จันทร์พงษ์ หรือชื่อเล่นว่า ลุงเช็ง อยากทำบ้านเรือนไทยสาครหลังนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว

201609280108072-20160615150820

เรือนไทยสาครแห่งนี้ เดิมเป็นบ้านของคุณแม่สาคร เล่ห์จันทร์พงษ์ (แม่ของลุงเช็ง) เดิมมีอาชีพขายข้าวและถ่านตลาดสามชุกในอดีต ภายใน มีห้องจัดแสดงในอดีต อาทิ ร้านตัดผม ห้องฉายหนัง ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านโชห่วย ร้านซ่อมนาฬิกา ร้านกาแฟโบราณ ร้านตัดเย็บเสื้อผ้า มีของเก่าโบราณให้ได้ชม ย้อนวันวานไปในอดีต มีมุมถ่ายรูปที่น่าสนใจมาก

มาคุยกับเจ้าของบ้านกันบ้าง กิตติศัพท์ก็ไม่ธรรมดา หากเอ่ยชื่อถึงลุงเช็ง ชาวบ้านแถวนี้ต้องร้องอ๋อกันเป็นแถว เพราะลุงเช็งมีก็ศรีภรรยาถึง 4 คน ซึ่งอยู่ในครอบครัวเดียวกัน ใช้ชีวิตร่วมชายคาเดียวกันมานานกว่า 40 ปี โดยภรรยาของคุณลุงเช็งแต่ละคนก็ช่วยลุงเช็ง ทำมาหากิน ช่วยกันคิดริเริ่ม ทำบ้านเรือนไทยสาครหลังนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เชิงวัฒนธรรม เป็นแหล่งเรียนรู้วิถีชีวิตและชมเรื่องราวในอดีต โดยก็ทำมาแล้วกว่า 10 ปี ซึ่งที่ผ่านมาก็มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนหมุนเวียนมาเรื่อยๆ

201609280108073-20160615150820

ด้าน ลุงเช็ง วัย 71 ปี เล่าว่า ตนเองนั้น มีภรรยา จำนวน 4 คน ซึ่งอยู่กินกันอย่างเปิดเผย โดยภรรยาแต่ละคน จะเรียกกันว่า แม่หนึ่ง แม่สอง แม่สาม แม่สี่ ที่ผ่านมาก็มีหลายคนถามว่า ใช้ชีวิตกันอย่างไร อยู่บ้านเดียวกัน เพราะบางคนก็ไม่เข้าใจ และเกิดความสงสัย ตนจึง อยากบอกว่า ตนโชคดี ที่มีภรรยาดี และมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยภรรยาทั้ง 4 คน เค้าก็รักกันเหมือนพี่น้อง ที่ผ่านมาไม่มีทะเลาะกัน และยอมรับซึ่งกันและกัน โดยภรรยาแต่ละคนก็จะแบ่งหน้าที่กันทำ ช่วยเหลืองานกันในบ้าน แม่1 และแม่2 จะช่วยกันดูแลบ้านทำความสะอาดบ้าน เรื่องอาหารการกินหุงหาอาหาร ส่วนแม่3 และแม่ 4 จะช่วยกันเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบ้านเรือนไทยสาคร ทั้งรับนักท่องเที่ยว พาชม และบริหารจัดการ เรื่องโปรแกรมท่องเที่ยว ซึ่งที่ผ่านมา ก็มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมเรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้ ส่วนเรื่องที่ตนเองมีอายุ 71 ปี แต่หลายคนยังทักมายังดูหนุ่มแข็งแรง ตนก็ดูแลตัวเอง โดยจะออกกำลังกายทุกวัน ปลูกผัก ทำสวน และที่สำคัญคือ ทานน้ำกระชายดำเป็นประจำทุกวัน โดยตนเป็นคนทำเอง เอากระชายดำมาปั่นและคั้นน้ำสดๆ ก็ทานทุกวัน ตั้งแต่หนุ่มๆจนถึงปัจจุบัน ลุงเช็งตอบอย่างอารมณ์ดี ส่วนเรื่องกระแสสังคม หรือ หลายคนที่ถามถึงว่าทำไมมีภรรยาหลายคน ส่วนตัวก็อยากจะบอกว่า ผมก็ไม่ได้อยากให้ใครมาเอาแบบอย่าง หรือทำตาม และผมก็ไม่ได้มีเคล็ดลับอะไร เพราะครอบครัวแต่ละคนไม่เหมือนกัน ส่วนคนในครอบครัวของผมมีความรักและความเข้าใจกันดี เคารพในการตัดสินใจ ซึ่งกันและกัน โดยปัจจุบันภรรยา 4 คน และลูกๆรวม 5 คน ซึ่งก็โตมีงานมีการทำหมดแล้ว ทุกคนก็รักกันและเข้าใจกันดี และมาช่วยกันดูแลบ้านเรือนไทยหลังนี้ เป็นอย่างดี อยู่กันอย่างอบอุ่น มีความสุขดี

201609280108077-20160615150820

ผู้สื่อข่าว จึงได้พูดคุยกับ บรรดาภรรยาของลุงเช็งทั้ง 4 คน ซึ่งทุกคนเป็นคนน่ารัก และได้เปิดใจถึงเรื่องราวชีวิต ภรรยาคนที่ 1 นางสมทรง เชื้อสาคู อายุ 66 ปี กล่าวว่า ตนเองเป็นภรรยาคนแรก ของลุงเช็ง ตอนแรกที่รับรู้ว่า ลุงเช็งมีภรรยาคนที่สอง ก็รู้สึกโกรธเหมือนกัน แต่พอลุงเช็งพาแม่สองมาพบ ตนก็ใจอ่อน และก็เปิดใจพูดคุยกัน จึงยอมรับและตัดสินใจให้มาเป็นครอบครัวเดียวกัน ต่อมา พอมาถึงแม่ 3 แม่ 4 ตนก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรแล้ว พูดไปพลางหัวเราะ เพราะสามารถยอมรับได้ โดยความรู้สึกก็เอ็นดูน้องๆทุกคนเหมือนเป็นพี่น้องเป็นเพื่อนกันจริงๆ และอยู่ด้วยกันแบบสันติ ดูแลกันไป เปรียบเสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน ที่ผ่านมาก็มีหลายคนถามตนว่า รับได้อย่างไร ซึ่งตนคงให้ข้อคิดเห็นไม่ได้ เพราะแต่ละคนใช้ชีวิตไม่เหมือนกัน และมีความคิดความรู้สึกไม่เหมือนกัน สำหรับตนลุงเช็งเป็นคนดี เป็นสามีและพ่อที่ดี ดูแลภรรยาและลูกๆดีทุกคน ให้ความรัก ความเอาใจใส่ ขยันทำมาหากิน มีความรับผิดชอบ จนสร้างฐานะมั่นคง ตนจึงพอใจแล้ว

ภรรยาคนที่ 2 นางแฉล้ม หนูทอง อายุ 62 ปี กล่าวว่า ตนก็รู้สึกว่าครอบครัวของพวกเราอบอุ่น ช่วยกันดูแลกันไป ช่วยกันทำมาหากิน ไม่ได้มีเรื่องทะลาะวิวาท หรือเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจ และแม่หนึ่งก็ดูแลตนดีมาโดยตลอดเปรียบเหมือนพี่สาวคนหนึ่ง

ภรรยาคนที่ 3 นางคำ แสนปงผาบ อายุ 58 ปี กล่าวว่า ตนเองก็มีหน้าที่เป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ ของบ้านเรือนไทยสาคร เวลาใครมาเที่ยวบ้านเรือนไทยสาคร ก็จะคอยพาชมและดูแล นักท่องเที่ยว ซึ่งภรรยาของลุงเช็งแต่ละคนก็มีการแบ่งหน้าที่กันไป ช่วยกันทำมาหากิน ตลอดระยะที่อยู่ด้วยกัน จึงรู้สึกอบอุ่น

ภรรยาคนที่ 4 นางอมรรัตน์ เนียมดี อายุ 46 ปี กล่าวว่า ตนเป็นภรรยาคนที่ 4 ตอนที่เข้ามาที่บ้านใหม่ๆก็รู้สึกกดดัน แต่ พี่ๆทุกคนก็ไม่ได้ว่าอะไร มีแต่ให้ความรัก ความเมตตา กับตนเสมอมา ตนมีหน้าที่เป็นมัคคุเทศน์พาชมบ้านเรือนไทยสาคร โดยจะไปพบปะกับนักท่องเที่ยวที่ตลาดสามชุก และชักชวนมาเที่ยวที่บ้าน โดยลุงเช็งจะเป็นคนขับเรือ พอมาถึงบ้านก็จะมีพี่ๆอีกสามคนช่วยกันดูแลนักท่องเที่ยว ซึ่งที่ผ่านมาก็ช่วยกันทำมาหากิน ทุกคนก็รักใครกันดี ไม่เคยทะเลาะกัน เวลาใครคนใดคนนึงไม่อยู่บ้าน ก็จะคิดถึงกัน เป็นห่วงเป็นใยกัน เหมือนเป็นพี่น้องกัน เหมือนถูกชะตากัน จะว่าไปเหมือนบุพเพสันนิวาศให้พวกเราได้มาใช้ชีวิตอยู่รวมกันได้ และอยู่ด้วยกันมีความสุขดี

ส่วนด้านลูกชายของลุงเช็ง กล่าวว่า ครอบครัวเราอยู่กันแบบมีความสุขดี ทุกคนให้ความเคารพซึ่งกันและกัน พ่อเป็นเสาหลักของครอบครัวดูแลทุกคนเป็นอย่างดี หลายคนอาจมองแตกต่างกันไป ก็แล้วแต่มุมมอง แต่คนในครอบครัวของพวกเรามีความเข้าใจและรักกันดี เป็นครอบครัวที่อบอุ่น

201609280108079-20160615150820

นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ผู้ซึ่งได้มาเที่ยวชมที่บ้านเรือนไทยสาครแห่งนี้ ได้ กล่าวว่า ตนในฐานะผู้ชาย พอมาได้ฟังเรื่องราวของลุงเช็งแล้ว ก็ได้แอบแซวขนานนามให้ไปแล้ว ว่านี่แหละบ้านขุนแผนเมืองสุพรรณตัวจริงเลย เพราะลุงเช็งใช้ชีวิตกับภรรยาทั้งสี่คนที่บ้านเรือนไทยหลังนี้ เป็นวิถีชีวิตมานานแล้ว และทั้งหมดก็ช่วยกันพัฒนาบ้านเรือนไทยอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี ให้กลับมามีชีวิตชีวา เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมเรื่องราวในอดีตให้ชวนถวิลหา ได้อย่างน่าสนใจ มีมุมถ่ายรูปมากมาย เหมาะแก่การมาท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก จึงอยากเชิญชวนให้ทุกคนมาเที่ยวกัน ส่วนเรื่องลุงเช็งมีภรรยา 4 คน คงไม่ขอออกความเห็น เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ สำหรับตนขอมีภรรยาแค่คนเดียวพอ ไม่กล้า เหมือนลุงเชง นายวีระศักดิ์กล่าวพร้อมหัวเราะ

นางธัญภา นิโครธานนท์ ผอ.ททท.สำนักงานสุพรรณบุรี กล่าวว่า บ้านเรือนไทยสาครแห่งนี้ เป็นบ้านเรือนไทยมีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี ที่อยู่ริมน้ำท่าจีน โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวที่ตลาดสามชุก และเชื่อมโยงมาเที่ยวต่อที่บ้านเรือนไทยสาคร โดยมีการล่องเรือชมวิถีชีวิตริมฝั่งแม่น้ำท่าจีน สัมผัสวิถีชีวิตริมน้ำและมาชมความดั้งเดิมของบ้านเรือนไทยหมู่ ที่ด้านในเก็บรวบรวมเรื่องราวในอดีตจนถึงปัจจุบันไว้อย่างน่าสนใจ สำหรับผู้ที่สนใจมาท่องเที่ยวบ้านเรือนไทยสาครเรือนไทยสาคร สามารถนั่งเรือเอี้ยมจุ๊นโบราณ ชมบรรยากาศสองฝั่งแม่น้ำท่าจีน แวะเยี่ยมชมเรือนไทยสาคร สัมผัสวิถีชีวิตแบบไทยๆ โดยไปขึ้นท่าเรืออยู่ที่ ซอย 3 สามชุกตลาดร้อยปี ใช้ เวลาไป-กลับประมาณ 40 นาที เพียงท่านละ 50 บาท ติดต่อ 086-751-2686 หรือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุพรรณบุรี 035-525880 , 035-525867

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน