จากกรณีที่ นายชาตรี รู้ระวัง อายุ 32 ปี อดีตผู้ต้องขังเรือนจำทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานอภัยโทษ จนได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำทองผาภูมิ และได้ตัดสินใจสวมเสื้อสีเหลืองพร้อมอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ชูขึ้นเหนือศรีษะ และออกเดินเท้าจากหน้าเรือนจำทองผาภูมิ มุ่งหน้าสู่ท้องสนามหลวงเพื่อเข้าถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. หลังได้รับการปล่อยตัวแค่ 1 วัน จากนั้นได้มีผู้ที่ทราบข่าวต่างมาดักรอให้กำลังใจ มอบอาหาร น้ำดื่ม และบริจาคเงินช่วยเหลือ แต่ นายชาตรี ก็ได้นำเงินที่ได้มาทั้งหมดไปบริจาคต่อ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น อ่านข่าว ซาบซึ้งพระมหากรุณาธิคุณ ได้อภัยโทษเพียงวันเดียว เดินเท้าจากเรือนจำทองผาภูมิไปสนามหลวง

ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 12 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายชาตรี ตั้งใจที่จะเดินเท้าไปสนามหลวง แต่ก็มีบางกลุ่มเข้ามาเขียนต่อว่า นายชาตรีว่า การเดินครั้งนี้เป็นการสร้างกระแส อีกทั้งยังสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นอย่างมาด แต่นายชาตรี ก็ไม่ได้นำมาคิด และยังคงมุ่งมั่นตั้งใจจะเดินต่อไป

จนล่าสุด นายชาตรี ได้เดินทางเข้าเขตอำเภอเมืองกาญจนบุรีเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับกล่าวว่า ตนไม่ได้รู้สึกท้อหรือหมดกำลังใจจากเหตุการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด เพราะตนไม่ได้สนใจข้อความที่มีผู้มาโพสต์ตำหนิในเฟซบุ๊กเพียงไม่กี่คน แต่ตนกลับต้องรู้สึกขอบคุณ ผู้คนที่มาดักรอให้กำลังใจตลอดการเดินทางทั้ง 5 วันที่ผ่านมา ทำให้ตนมีกำลังใจที่จะเดินทางต่อ แม้ร่างกายจะมีอาการเหนื่อยล้าและมีบาดแผลถูกรองเท้ากัด แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินเท้าเข้าถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของตนแต่อย่างใด

พร้อมกันนี้ นายชาตรี ยังได้ฝากขอบคุณผู้ที่นำเอาอาหาร น้ำดื่มและเงินสดมาร่วมทำบุญกับว่า “ผมยังยืนยันความตั้งใจเดิม ที่จะไม่นำเอาเงินที่ได้รับบริจาคไปใช้ส่วนตัวเด็ดขาด แต่จะขอนำเงินดังกล่าว ไปร่วมทำบุญให้กับมูลนิธิ รวมถึงโรงพยาบาลและหน่วยงานสาธารณประโยชน์ที่ช่วยเหลือผู้คนในสังคมต่อไป”

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ซึ่งในนี้ นายชาตรี ได้เดินทางเข้าสู่พื้นที่ตัวเมืองกาญจนบุรี โดยเดินทางผ่านหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฎกาญจนบุรี สะพานข้ามแม่น้ำแคว ศาลหลักเมืองกาญจนบุรีและศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเตรียมที่จะเดินทางเข้าสู่พื้นที่อำเภอท่าม่วงต่อไป นอกจากนี้ นายชาตรี ได้นำเงินที่ได้รับบริจาคมาทั้งหมด มอบให้กับทางมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์และโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยและผู้ได้รับบาดเจ็บต่อไป


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน