ผอ.ชลประทาน ชัยนาท เผยมีน้ำเพียงพอแค่บางพื้นที่ ขอเกษตรกรงดเพาะปลูก

เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่บริเวณห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ SOWOC12 สำนักงานชลประทานที่12 จ.ชัยนาท นายสุรชาติ มาลาศรี ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 12 มีการประชุมร่วมกับผู้อำนวยการโครงการชลประทานในสังกัด พื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ถึงเรื่องการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพื่อให้เพียงพอต่อการอุปโภค-บริโภค ภาคของการเกษตร และการรักษาระบบนิเวศ

นายสุรชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงฝนทิ้งช่วง ทำให้หลายพื้นที่มีปริมาณฝนน้อยกว่าค่าเฉลี่ย ต่ำกว่าปกติอยู่ 20 เปอร์เซ็นต์ สำหรับในเขตพื้นที่สำนักงานชลประทานที่ 12 จะมีปริมาณฝนค่อนข้างน้อย ด้านการเกษตรส่วนใหญ่ ได้อาศัยน้ำจากเขื่อนหลักทั้ง 4 แห่ง คือเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีปริมาณน้ำรวมกัน ประมาณ 8,000 กว่าล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 33 ของปริมาณความจุอ่าง โดยมีปริมาณน้ำใช้การได้ประมาณ 1,500 กว่าล้านลูกบาศก์เมตรคิดเป็นร้อยละ 9 ของปริมาณ ความจุอ่าง

ซึ่งปัจจุบันทั้ง 4 เขื่อนหลักมีการระบายน้ำรวมวันละประมาณ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นอัตราปกติของช่วงฤดูฝน ซึ่งด้านการเกษตรในขณะนี้ได้ใช้น้ำจากระบบชลประทานทั้งหมดเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทำให้บางพื้นที่อาจจะเกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำบ้าง แต่บางพื้นที่ก็ยังมีน้ำพอเพียงสำหรับความต้องการ

นอกจากนี้ ทางกรมชลประทาน มีข้อสั่งการให้ สำนักงานชลประทานที่ 12 สั่งการให้โครงการชลประทานในสังกัด จัดรอบเวรการบริหารจัดการน้ำให้เกษตรกรที่ทำการเพราะปลูกพืชอยู่ในขณะนี้ และยังขอความร่วมมือกับเกษตรกรที่ยังไม่ได้ทำการเพาะปลูกให้ทำการงดออกไปก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงต่อความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อพืชผลทางการเกษตรหากเกิดสภาวะขาดแคลนน้ำของระบบชลประทาน

ทั้งนี้ สำนักงานชลประทานที่12 ได้ประสานขอความร่วมมือกับกลุ่มผู้ใช้น้ำตามคลองส่งน้ำของชลประทานสายต่างๆ ให้ใช้น้ำตามข้อตกลงที่ได้มีการตกลงกันเอาไว้ เนื่องจากปริมาณน้ำในขณะนี้มีจำนวนจำกัด หากเกษตรกรละเมิดข่อตกลงอาจส่งผลกระทบต่อรอบการส่งน้ำเป็นวงกว้าง และจะเกิดความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตรทั้งหมดในที่ลุ่มเจ้าพระยา


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน