ปั๊มหัวใจยื้อชีวิตสาว รถพ่วงเฉี่ยวจยย.คว่ำ ก่อนดับสลด เพื่อนร้องลั่นได้รับบาดเจ็บไปด้วย กบตายอีก 3 ตัว เผยเพิ่งดื่มเหล้ากำลังจะกลับบ้าน คนขับรถพ่วงระบุไม่รู้ว่าไปเกี่ยวตอนไหน

รถพ่วงเฉี่ยวจยย.คว่ำ วันที่ 24 ก.ค. ร.ต.อ.ไพรัตน์ สิงห์พรม รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.สวี จ.ชุมพร ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกเฉี่ยวชนกับรถจยย. บนถนนสายเอเชีย 41 ฝั่งขาขึ้นปากทางเข้าถนนหนองพรหม-ทุ่งระยะ หมู่ 2 ต.สวี อ.สวี จ.ชุมพร ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมพยาบาล-หน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลสวี และหน่วยอาสากู้ภัยมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์เขตสวี

ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบผู้บาดเจ็บนอนหมดสติอยู่ ทราบชื่อคือ น.ส.อำภา ทองแท้ อายุ 34 ปี ชาว อ.สวี จ.ชุมพร จึงรีบปั๊มหัวใจ ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลสวี แต่ผู้บาดเจ็บอาการสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้เสียชีวิต ทราบชื่อคือ นายจรัญพร เหง้าละคร อายุ 45 ปี ได้รับบาดเจ็บบริเวณขาขวา ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนกู้ภัยปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วนำส่งโรงพยาบาลสวี

นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุยังพบ รถจยย.ฮอนด้าเวฟ 100 สีดำ สภาพเก่า ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ล้มตะแคงพังเสียหายห่างจากไหล่ทางประมาณ 3-4 เมตร และมีกบตายอีก 3 ตัว ส่วนรถคู่กรณีเป็นรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน 70-0698 บุรีรัมย์ ส่วนลูกพ่วงทะเบียน 70-2963 สุราษฎร์ธานี จอดอยู่ริมไหล่ทางซ้ายห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 50 เมตร โดยมี นายศักดา คุ้มอยู่ อายุ 53 ปี เป็นคนขับ ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

จาการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีพยานเห็นผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ นั่งดื่มสุราที่ร้านค้าแห่งหนึ่งแถวๆ บ้านแหลมปอ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร ก่อนพากันออกมา โดย นายจรัญพร เป็นคนขี่และผู้เสียชีวิตนั่งซ้อนท้าย บอกว่าจะไปส่งเพื่อนบ้านสาวกลับบ้านด้วยเพราะอยู่ใกล้กัน กระทั่งมาเกิดเหตุดังกล่าว

ขณะที่ นายศักดา กล่าวว่า ขณะที่ตนขับรถอยู่เลนซ้ายมุ่งหน้า จ.นครปฐม มาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุสังเกตเห็นรถบรรทุกขับออกมา 2 คันและตอนแรกเห็น รถจยย.อยู่หลังสิบล้อ ก่อนขี่แซงขึ้นตามหลังมารถตนมา แต่ไม่ทราบว่าเกี่ยวกันยังไง กระทั่งเกิดอุบัติเหตุจนมีคนเสียชีวิต

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว นายศักดา ไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.สวี พร้อมทั้งตรวจหาปริมาณแอลกอฮอล์ของทั้ง นายศักดา และ นายจรัญพร ก่อนสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อดำเนินการกฎหมายต่อไป


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน