ตายตามแม่! “น้องโฮบ” ลูกวาฬหัวทุย สิ้นใจแล้ว หลังถูกพายุซัด แม่ปกป้องเอาชีวิตแลก เจ้าหน้าที่พยายามยื้อถึง 9 วัน แต่ก็ไม่สามารถรักษาชีวิตไว้ได้
ลูกวาฬหัวทุย วันที่ 13 ส.ค. จากกรณีประมงพื้นบ้านในไร่ อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ช่วยสองวาฬหัวทุยแคระเกยหาดพังงา ขณะเกิดพายุหนักเมื่อวันที่ 4 ก.ค. ที่ผ่านมา โดย นายฉัตรชัย สมบูรณ์ อายุ 54 ปี ประมงพื้นบ้านเล่าว่า ตนพร้อมเพื่อนๆ ชาวประมง ได้พบปลาวาฬหัวทุยแคระสีเทาดำ 2 ตัว ที่บริเวณหัวสะพานประมง หาดเทียม ชายทะเลบ้านในไร่ ต.นาเตย อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา
นายฉัตรชัย พร้อม นายบัณฑิต หลีบำรุง ประธานชมรมเรือประมงท้องแบนบ้านในไร่และพวก ได้ช่วยกันมาปฐมพยาบาลที่บริเวณสำนักงานธนาคารปูบ้านในไร่ ต่อมา นส.พัชราภรณ์ แก้วโม่ง สัตวแพทย์ศูนย์วิจัยพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามันจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย ร.อ.อนนตภร สีดากุล ปฎิบัติหน้าที่ ผ.บ.ร้อยทัพเรือภาค 3 ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่กองทัพเรือรวมถึงชาวบ้าน ได้ช่วยกันลำเลียงนำส่งศูนย์วิจัยพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากปลาวาฬ ทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัส
ต่อมาปลาวาฬ เพศเมีย น้ำหนักประมาณ 300 กก. ยาวจากหัวจรดหาง 2.2 เมตร วัดรอบตัว 123 ซม. ได้ตายลง ส่วนตัวเล็กคาดว่าเป็นลูก โดยตัวแม่พยายามปกป้องลูกจนได้รับบาดเจ็บ และคาดว่าทั้ง 2 ตัวโดนคลื่นมรสุมอย่างหนักลำตัวและหัวไปกระแทกโขดหินอย่างแรงจนมีบาดแผลตามลำตัว ทำให้ตัวแม่เสียชีวิต ส่วนลูกเป็นลูกวาฬ เพศผู้ ความยาว 110 ซ.ม. หนัก 15 กก. ได้นำรักษาพยาบาลอย่างเร่งด่วนที่ศูนย์วิจัยภูเก็ตต่อไป พร้อมตั้งชื่อว่า “น้องโฮป”
กระทั่งล่าสุด ดร.ก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน (ภูเก็ต) ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า น้องโฮป ได้เสียชีวิตเสียแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา ทางทีมสัตวแพทย์ได้รายงานการเสียชีวิตว่า เมื่อเวลา 23.23 น. ของคืนที่ผ่านมา หลังจากที่ทีมสัตวแพทย์ ซึ่งเฝ้าดูแลน้องโฮป ตลอด 24 ชั่วโมง และพยายามยื้อชีวิตมาอย่างต่อเนื่องตลอด 9 วันเต็ม
โดยผลการตรวจทางโลหิตวิทยา พบภาวะการติดเชื้อในร่างกาย มีภาวะการแห้งน้ำรุนแรง พบค่าการทำงานของตับและไตสูง และมีภาวะกล้ามเนื้ออักเสบ ผลการตรวจอัลตราซาวด์ พบแก๊สในกระเพาะอาหารและลำไส้จำนวนมาก และมีการเคลื่อนไหวของลำไส้มากกว่าปกติ จนเป็นสาเหตุจากภาวะช็อค จากการติดเชื้อในร่างกาย ทำให้ลูกวาฬน้อยเสียชีวิตอย่างน่าเสียดาย
