สุรินทร์ – เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานถึงกระแสข่าวของการบังคับใช้กฎหมายที่ระบุชัดเจนว่า หลังกระบะรถยนต์ไม่สามารถนั่งโดยสารได้ ส่วนรถยนต์ที่มีแคปหลัง ก็ไม่อนุญาตให้ใช้นั่งโดยสารได้ เช่นกันตามที่เป็นข่าวอยู่

ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ ได้สังเกตพบกระแสความเคลื่อนไหวของประชาชนในโลกโซเชี่ยล ไม่ว่าจะเป็นทางเฟซบุ๊คและไลน์ ส่วนใหญ่มีการแชร์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานา ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ต่างออกความเห็นไม่เห็นด้วยกับกฎหมายดังกล่าว และอยากให้รัฐบาลอลุ่มอล่วยหรือนำกลับไปพิจารณาใหม่ เพราะกฎหมายดังกล่าว สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนคนจนรากหญ้าที่หาเช้ากิ นค่ำจำนวนมาก เพราะจำเป็นต้องใช้ รถกระบะในการบรรทุกโดยสาร ส่งคนงาน ส่งญาติพี่น้องและลูกหลานไปโรงเรียน รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวัน

เวลา 12.00 น. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นสัมภาษณ์ ประชาชนในพื้นที่ จ.สุรินทร์ถึงความเห็นกรณีดั งกล่าว โดยเฉพาะที่ทำการสโมสรวรรณศิลป์ สุรินทร์ หรือร้านครัวนักเขียน ตั้งอยู่เลขที่ 136 ม.13 บ.หนองเต่า ติดกับ 4 แยกเลี่ยงเมืองหนองเต่า ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งนายไชยา วรรณศรี ประธานสโมสรวรรณศิลป์สุรินทร์ และนักเขียนชื่อดัง จ.สุรินทร์ ได้เปิดเผยถึงความรู้สึกในกรณีดังกล่าวว่า ในความรู้สึกส่วนตัว และขอเป็นตัวแทนให้กับประชาชนส่วนใหญ่ที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวที่ ใช้รถยนต์กระบะแคป การห้ามนั่งกระบะท้ายยังพอที่จะเข้าใจได้ เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาก็อาจจะสูญเสีย

แต่ว่ารถแคป คนส่วนใหญ่ที่ซื้อมารถยนต์แคปมา ตนเชื่อว่าต่างก็คาดหวังจะนำมาใช้ในครอบครัว พาลูกพาเมียนั่งไปต่างจังหวัดไปต่างอำเภอ หรือไปงานบุญต่างๆ แต่พอเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา มีนายตำรวจนายหนึ่งได้ออกมาให้สัมภาษณ์ทางทีวีแห่งหนึ่งว่าจะไม่อะลุ่มอล่วย จะบังคับใช้อย่างจริงจัง นั่งไม่ได้เลย ทั้งบนถนนหลวงและสายชนบทต่างๆยกเว้น ตามทุ่งนาและไร่อ้อย ตนเห็นว่ามันไม่เป็นธรรมกับผู้ที่ซื้อรถมาใช้

คนจนคนหาใช้กินค่ำ คนที่พยายามเก็บเงินเพื่อซื้อรถไว้สักคันหนึ่ง เพื่อใช้พาครอบครัวญาติพี่น้องไปทุระต่างๆทำให้เขาเสียโอกาสและเสียความรู้สึก ตนไม่ได้ไปค้านทุกประเด็น แต่บางเรื่องบางอย่างเราน่าจะมี ทางออกที่ดีกว่านี้บ้างไหม คนที่ซื้อรถมากว่าจะผ่อนหมดแล้วมาบังคับใช้กันง่ายๆ ส่วนรถกระบะต่างๆ จำเป็นต้องใช้บรรทุกโดยสารคน ไม่ว่าจะงานบวช งานแต่งงาน งานกีฬาสี กีฬาตำบล คนเจ็บคนป่วยกรณีเร่งด่วนที่ จะไปโรงพยาบาล ซึ่งจะมีทางออกอย่างไรให้กับประชาชนผู้ยากจน

อย่าเอากฎหมายมาบังคับจนเกินไป ทำให้กลายเป็นประเด็นที่ทำให้พี่ น้องประชาชนเป็นทุกข์ได้ ก็ฝากให้รัฐบาล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีผู้มีอำนาจ นำบางเรื่องไปทบทวนใหม่ได้หรือไม่ เยียวยาทบทวนคำสั่งอย่างไรที่ จะทำให้ประชาชนได้มีทางออก

นายไชยา วรรณศรี ประธานสโมสรวรรณศิลป์สุรินทร์กล่าวอีกว่า บางครอบครัวเรามีรถแค๊ปที่ทุ่มเทซื้อและผ่อนมาทั้งชีวิต ต่อไปคงต้องขอโทษลูกและเมียที่ ไปไหนมาไหนด้วยกันไม่ได้อีกแล้ว ต้องขอโทษพ่อแม่ญาติพี่น้องที่ ไม่ได้รับส่ง ไปเที่ยวหรือไม่สามารถพาเข้ าโรงพยาบาลกรณีเร่งด่วนได้แล้ว ขอโทษพี่น้องทุกคนที่เราอาจนั่ งไปงานบุญต่างๆตามประเพณีไม่ได้ แล้ว โลกนี้เป็นของคนรวยโดยแท้จริ งแล้ว วันที่คนจนตายหมด วันนั้นความเสมอภาคและเท่าเที ยมก็คงจะกลับคืนมา

ด้านนายสมบัติ สวามีชัย ครู คส.3 โรงเรียนบ้านไพรขลา ต.ไพรขลา อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ประเด็นเรื่องการใช้รถใช้ ถนนและการบรรทุกผู้โดยสารหรื อญาติพี่น้อง อย่างเช่นญาติพี่น้องไม่สบาย มีคนเจ็บคนป่วย ถ้าไม่มีคนไปด้วยกันหลายๆคน แล้วใครจะมาช่วยดูแลคนป่วย อีกอย่างการนั่งรถหากไปน้อยสิ่ งที่เดือดร้อนแน่ๆก็คือเรื่ องเงิน ซึ่งคนที่อยู่ตามชนบทหาเช้ากิ นค่ำ ก็ต้องอาศัยผู้ที่มีรถยนต์ กระบะในการพาไป ไม่ว่าจะไปโรงพยาบาล เยี่ยมญาติ งานศพ งานบวช งานแต่ง หรืออีกหลายๆงาน ที่เป็นสังคมที่ต้องเกื้อหนุนกั นพึ่งพาอาศัยกันตามวิถี ของคนชนบท ถ้าหากนั่งรถโดยสารไปวันหนึ่ งไปไม่ถึงที่หมายแน่นอน อย่างไปทุ่งกุลาร้องไห้มันไม่มี รถโดยสารผ่านจะให้ไปได้อย่างไร จะมีรถโดยสารที่ไปวิ่งผ่านแถวนั้ นไหม ตรงนี้เราก็ต้องอาศัยรถของญาติ พี่น้องเพื่อนฝูงหรือผู้ที่มี เงิน จึงจะไปกันได้ หากไม่ให้คนนั่งกระบะท้ายรถ ตรงนี้เดือดร้อนแน่นอน

นายนพเก้า ดวงฤดีสวัสดิ์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26/6-7 ถ.ศรีณรงค์(เส้นสูตรเย็น) ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ผมฟังดูแล้ว มันเหมือนดาบ 2 คม มองในมุมดีมันก็ดี มันปลอดภัยกับชีวิตประชาชน ส่วนในมุมของชาวบ้าน ความจำเป็นผมว่า กฎหมายตรงนี้มันเปิดโอกาสให้ ตำรวจจับประชาชนได้เกินไป เอะอะจับๆ ยกตัวอย่างเช่น ตามในเมืองตามบ้านนอก คนเฒ่าคนแก่บางคนนั่งข้างในรถไม่ได้ อาจจะเมารถ มานั่งข้างหลังเดินทางไปหาหมอ แล้วโดนจับ ผมว่าไม่โอเค จริงๆการจะใช้กฎหมายควรหาบทสรุปและหาทางออกให้ดีกว่านี้แล้วค่อยประกาศใช้

อยู่ดีๆมาประกาศใช้หักดิบแบบนี้ ตนว่าประชาชนรับไม่ได้ ส่วนตัวตนเองไม่เห็นด้วย เพราะมีผลกระทบต่อธุรกิจหลายๆด้ าน เศรษฐกิจก็ไม่ดี จะขนของขนอะไรไปขาย จะทำมาหากินอะไรก็ต้องมาคอยกลั วตำรวจตั้งด่านจับ ถ้าถูกจับมาก็เกิดการทะเลาะกัน และหลายๆเรื่องตามมา จะทำให้กระแสข่าวระหว่างตำรวจกั บประชาชนที่ไม่ดีอยู่แล้ว ก็จะเป็นช่องว่างมากขึ้น ทำให้ประชาชนมองตำรวจไม่ดี ถึงตำรวจจะทำตามกฎหมายก็ตาม บางคนที่เข้าใจก็ดีไป บางคนไม่เข้าใจก็จะเกิดปัญหาขึ้นอีก

รัฐบาลไม่ใช่แค่เป็นห่ วงประชาชนแล้วก็สั่งห้ามเลย รัฐบาลไม่เคยคิดถึงหั วอกประชาชนคนจนปลีกย่อยที่รั ฐบาลไม่เคยมาสัมผัสกับประชาชน ตนว่าควรจะพิจารณาใหม่ สงสารคนที่จะเดินทางกลับบ้าน ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว ไปขึ้นรถแออัดที่ บขส.รถก็เต็ม เขาจำเป็นต้องโดยสารรถยนต์เหล่ านี้กลับบ้าน เขาต้องกลับมาเยี่ยมบ้านปีละครั้ งสองครั้งเท่านั้น ควรจะหามาตรการมารองรับก่อนแล้วประกาศใช้ก็คงจะดี

ส่วนการโดยสารบนหลังกระบะ ก็น่าจะมีลิมิต เช่น โดยสารได้กี่คน จำกัดความเร็วเท่าไหร่ รวมทั้งสมรรถนะคนขับต่างๆ และควรเข้มงวดกฎหมายเรื่องคนขั บมากกว่า ถ้าจะประกาศใช้จริงๆก็ล็อคจีพี เอสไปเลย และปัญหาไม่ว่าจะทั้งถนน ทั้งรถคันอื่นที่เลี้ยวตัดหน้า ย้อนศรต่างๆ ถ้ากฎหมายจะแก้ปัญหาตรงนี้ได้อี กหลายชีวิตก็จะไม่ต้องมาเสี่ยง ไม่ใช่ต้องไปโทษที่รถหรือคนขับหรืออะไรอย่างเดียว มันต้องมองสถานการณ์หลายอย่ างให้ควบคู่และครอบคลุมกันไป อีกอย่างที่ตนเห็นด้วยคือ บังคับให้รถทุกคันติดกล้องหน้ ารถหลังรถด้วยจะดี มันจะช่วยเป็นหูเป็นตาแทนตำรวจ เวลาเกิดเหตุการณ์ขึ้นจะช่วยได้มาก ถ้าจะบังคับไม่ให้นั่งกระบะ ผมว่ามาบังคับให้รถทุกคันมาติ ดกล้องวงจรปิดจะดีกว่า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน