ตร.บึงกาฬ ฟันเพิ่มเป็น 6 ข้อหา ค้านประกัน 2 โจ๋ รุมทำร้ายอริ คาห้องฉุกเฉิน รพ.

เมื่อวันที่ 8 ต.ค. พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ ร่วมกับ นพ.ชัชวาลย์ ฤทธิ์ฐิติ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ นายจำรัส กังน้อย ปลัดจังหวัดบึงกาฬ ร่วมแถลงคืบหน้าคดีกลุ่มวัยรุ่นบุกรุกทำร้ายคู่อริที่ห้องฉุกเฉิน รพ.ปากคาด ต.ปากคาด อ.ปากคาด จ.บึงกาฬ โดยแจ้งข้อหาเพิ่มเติมจากการทำร้ายร่างที่ดำเนินคดีไปแล้ว เพิ่มข้อหาอีก 6 ข้อหา กับ 2 วัยรุ่นที่เข้าไปทำร้ายร่างกายอริในห้องฉุกเฉิน คือนายศิวกร เทพจำปา อายุ 21 ปี และนายยศพล บุญหล่อ อายุ 19 ปี ซึ่งสามารถติดตามตัวมาดำเนินคดีได้แล้ว พร้อมนำตัวส่งศาลฝากขัง และคัดค้านการประกันตัว แต่จากดุลพินิจของอัยการให้ประกันตัวไปแล้ว 1 ราย ในวงเงิน 100,000 บาท หลังจากแถลงผลคดีเสร็จสิ้น ได้ร่วมประชุมกับหัวหน้าสถานีตำรวจทุกแห่งในท้องที่ จ.บึงกาฬ เพื่อหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกในพื้นที่ จ.บึงกาฬ โดยหลังจากนี้พนักงานสอบสวน จะรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสอบปากคำเจ้าหน้าที่ในวันเกิดเหตุไว้เป็นพยาน สอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติม เพื่อนำมาพิจารณาประกอบคดี

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

ในส่วนของ รพ. ปากคาด ซึ่งเป็นสถานที่ราชการ แม้จะพบว่าเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลไม่ได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินของทางราชการไม่ได้รับความเสียหาย แต่พฤติการณ์ของกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว เป็นพฤติการณ์อุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง อีกทั้งทำให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ตลอดจนผู้ที่มารับการรักษาแตกตื่นตกใจกลัวกับเหตุการณ์ดังกล่าว

นพ.จรูญ สุรารักษ์ ผอ. โรงพยาบาลปากคาด จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายศิวกร และนายยศพล ในฐานความผิดเกี่ยวกับร่วมกันบุกรุกสถานที่ราชการ(ห้องฉุกเฉิน) โดยใช้กำลังประทุษร้ายในเวลากลางคืน และข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้องซึ่งพนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ไว้แล้วตามคดีอาญาที่ 196/2562

พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ กล่าวว่า กลุ่มผู้ต้องหาได้ก่อเหตุโดยไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย ถือเป็นพฤติกรรมที่ค่อนข้างรุนแรง เรื่องนี้ทางตำรวจได้ให้ความสำคัญภาพที่ออกสื่อไปครั้งแรกปรากฏว่ามีการเปรียบเทียบปรับผู้กระทำความผิดไป ขอชี้แจงว่านั่นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการดำเนินการ

พล.ต.ต.พลัฏฐ์ กล่าวอีกว่า แต่ปัจจุบันนี้ทางตำรวจและโรงพยาบาลจะดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำผิดนี้จำนวน 6 ข้อหา 1.ร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายผู้อื่นในเวลากลางคืน 2.ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย 3.ร่วมกันบุกรุกเข้าไปในสถานที่ราชการ 4.ร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ 5.ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานตามกฎหมาย และ 6.ร่วมกันทำให้ผู้อื่นเกิดความตกใจกลัว ก่อความเดือดร้อนรำคาญ

พล.ต.ต.พลัฏฐ์ กล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหตุให้ผู้ที่บาดเจ็บที่มารอรับการรักษาเกิดความตกใจและไม่ได้รับการรักษา ซึ่งเราพิจารณาว่าการกระทำของผู้ต้องหาทั้ง 2 คนค่อนข้างรุนแรง เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างกับกลุ่มบุคคลอื่น เราถึงได้ดำเนินคดีในขั้นเด็ดขาด ซึ่งทาง สภ.ปากคาด ได้เรียกตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนมาแจ้งข้อหาเพิ่มเติมตาม 6 ข้อหานี้ และได้นำตัวผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลจังหวัดบึงกาฬฝากขัง โดยคัดค้านการประกันตัว ซึ่งก็ขอให้พี่น้องประชาชนให้ความสบายใจได้ว่าตำรวจเราเอาจริง และจะไม่ยินยอมให้การกระทำลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ

ด้าน นพ.ชัชวาลย์ ฤทธิ์ฐิติ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า จากนี้ในตอนกลางคืนทุกโรงพยาบาลจะขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจตราลงบันทึกเหตุการณ์ทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงที่มีเทศกาลจะขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดูแลประจำอยู่โรงพยาบาล หากมีกำลังน้อยก็ขอให้มาตรวจตราถี่มากขึ้น ซึ่งหากมีเหตุเกิดขึ้นก็จะระงับเหตุได้ทัน ซึ่งต้องชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เข้ามาระงับเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้อย่างรวดเร็วหลังแจ้งไปไม่นาน

ส่วนนายจำรัส กังน้อย ปลัดจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ นายสนิท ขาวสอาด ให้เข้าร่วมประชุมหารือแนวทางการป้องกัน ในส่วนของการปกครอง จะประสานงานไปที่นายอำเภอทุกอำเภอ ให้ประสานงานกับผู้กำกับหรือหัวหน้าสถานีให้ประชุมชี้แจงกับกำนันผู้ใหญ่บ้าน ชรบ.หมู่บ้าน ให้ดูแลลูกหลานโดยเฉพาะเด็กเยาวชน หากพื้นที่ไหนมีการจัดงานให้ตำรวจประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ อส. และอำเภอ เข้ามาช่วยเหลือดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและประชาชน เพื่อป้องปรามไม่ให้เป็นชนวนก่อเกิดความรุนแรงเหมือนเหตุการณ์นี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน