สาวซดแอลกอฮอล์ล้างแผล -น้ำยาล้างห้องน้ำ ผูกคอกับประตู เพื่อนข้างห้องรุดช่วย

สาวซดแอลกอฮอล์ล้างแผล / เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 26 ต.ค. เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ชลบุรีว่ามีประชาชนพยายามฆ่าตัวตาย ที่ห้องพักในอาคารการเคหะเอื้ออาทร นาจอมเทียน หลังรับแจ้งจึงประสาน ร.ต.อ.ธนัญชัย วงค์จำปา รองสว.(สอบสวน) พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ รุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณห้องพัชั้น 3 ของอาคาร ต.นาจอทเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ตรวจสอบภายในห้องพักพบร่างน.ส.บุญเฉลิม อายุ 43 ปี นอนหมดสติอยู่ที่พื้น มีน้ำลายฟูมปากเลือดไหลออกจากจมูก ใกล้กันพบพลเมืองดีกำลังให้การช่วยเหลือเบื้องต้น จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงปฐมพยาบาลให้การช่วยเหลือเคลื่อนย้ายนำส่งยังโรงพยาบาลโดยด่วน

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

จากการตรวจสอบภายในห้องพบขวดน้ำยาล้างแผลชนิดแอลกอฮอล์ตกอยู่ภายในห้องเหลือเพียงขวดเปล่า ใกล้กันยังพบเชือกฟางสีแดงผูกติดกับเหล็กดัดประตูห้อง

จากการสอบถามน.ส.พิชญา พงษ์หา ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้เดินมายังห้องที่เกิดเหตุ เพื่อจะมาหาน.ส.บุญเฉลิมตามปกติ โดยนส.บุญเฉลิมได้พักอยู่ในห้องเพียงคนเดียว เนื่องจากแม่ของนส.บุญเฉลิมได้ออกไปขายผัก เมื่อตนมาถึงห้องต้องตกใจเมื่อพบว่าน.ส.บุญเฉลิมได้พยายามนำเชือกผูกคอติดกับเหล็กดัดประตูหน้าห้องและมีน้ำลายฟูมปาก จึงได้รีบช่วยแก้เชือกออก เมื่อมองไปข้างๆยังพบขวดน้ำยาล้างห้องน้ำตกอยู่และยังมีขวดแอลกอฮอล์ล้างแผลตกอยู่ จึงทราบว่าน.ส.บุญเฉลิมนั้นได้ดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำเข้าไป พร้อมทั้งได้ดื่มแอลกอฮอล์ล้างแผลที่มีในขวดไปจนหมด ก่อนจะนำเชือกมาผูกคอเพื่อหวังฆ่าตัวตาย

ก่อนที่ผู้พักอาศัยห้องตรงข้ามจะออกมาช่วยและนำไข่ไก่ดิบตอกแล้วนำมากรอกปากให้อาเจียนออกมา เพื่อล้างพิษเบื้องต้น จากนั้นจึงได้โทรแจ้ง 191 จนเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือดังกล่าว

ต่อมาแม่ของนส.บุญเฉลิม ได้เดินทางกลับมาถึงห้องถึงกับต้องตกใจ เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ โดยจากการเล่าของผู้เป็นแม่ได้เล่าว่า ลูกสาวเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลเมื่อช่วงสายที่ผ่านมาและกลับมาพักรักษาตัวที่บ้าน แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุนี้ขึ้น ซึ่งจากการบอกเล่าของผู้พักอาศัยในละแวกดังกล่าวก็บอกอีกว่า ก่อนหน้านี้นส.บุญเฉลิมเคยพยายามฆ่าตัวตายมาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่เจ้าหน้าที่กู้ภัยและพลเมืองดีก็มาช่วยไว้ได้ และนี่ก็เป็นครั้งที่ 3 และครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดจากที่เคยเกิดขึ้น โดยยังไม่มีใครทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน