ยายใจสลาย! หลานชายวัย 3 ขวบ หัวทิ่มถังน้ำดับ หลังป่วยต้องหยุดเรียนอยู่บ้าน น้าชายเผลอหลับ ตื่นมาเจอหลานในสภาพดังกล่าว สุดสลด! พ่อแม่ก็หายสาบสูญ แยกทางกันตั้งแต่แบเบาะ ติดต่อไม่ได้อีกเลย
หัวทิ่มถังน้ำดับ วันที่ 28 ต.ค. ที่ห้องเก็บศพแผนกนิติเวชโรงพยาบาลพุทธชินราช อ.เมือง จ.พิษณุโลก นางอำพร นางแย้ม อายุ 51 ปี และ นายอาทิตย์ บุดดาวงค์ อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นยายและน้าของ ด.ช.คิว อายุ 3 ขวบ ที่จมน้ำเสียชีวิต ภายในบ้านเลขที่ 292/7 หมู่ 5 ต.หัวรอ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ได้เดินทางมารอรับศพของหลานชายพร้อมด้วยญาติพี่น้องด้วยความโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะมีหลานชายเพียงคนเดียว
นางอำพร เล่าด้วยเสียงสั่นเครือว่า เหตุการณ์เศร้าสลดใจครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 09.00 น.ที่ผ่านมา ขณะนั้นตนออกไปทำงานเป็นแม่บ้านที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 ต.หัวรอ อ.เมือง จ.พิษณุโลก แล้วกลับเข้ามาที่บ้านพักซึ่งเป็นห้องเช่า โดยมี นายอาทิตย์ ลูกชายตน และเป็นน้าชายของน้องคิว อยู่บ้านกันเพียง 2 คน เมื่อตนกลับมาร้องเรียนหลานชายแต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จึงเดินค้นหาจนทั่วบ้าน จนไปพบว่าหลานชายจมน้ำอยู่ในถังน้ำของห้องน้ำ สภาพหัวทิ่มขาชี้ฟ้า
เมื่อตั้งสติได้จึงรีบเข้าไปช่วยเหลือแต่หลานชายไม่รู้สึกตัว จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน พร้อมด้วยเจ้าเหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลพุทธชินราชรีบมาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน พร้อมกับทำการปั๊มหัวใจอยู่หลายครั้ง แต่ชีพจรไม่ตอบสนอง จึงนำตัวส่งห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลพุทธชินราช สุดท้ายก็ไม่สามารถยื้อชีวิตหลานชายเอาไว้ได้ ซึ่งสร้างความเศร้าใจเป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมาตนเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่วัยแบเบาะ เพราะพ่อและแม่ของหลานแยกทางกันขณะนี้ติดต่อไม่ได้มานานแล้ว และส่งเสียให้เรียนหนังสือเหมือนกับเด็กทั่วๆ ไป
ขณะที่ นายอาทิตย์ เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุตนและน้องคิว กำลังเปิดทีวีดูการ์ตูนอยู่ในห้องนอน ตนได้เผลอหลับไปเนื่องจากความเพลียเพราะขายของออนไลน์ดึก ซึ่งปกติวันนี้หลายชายจะไปโรงเรียนแต่เกิดป่วยมีอาการไอและอาเจียนจึงต้องให้หยุดเรียน 1 วัน คาดว่าขณะที่ตนหลับนั้น หลานชายน่าจะเดินไปอาเจียนในห้องน้ำแล้วพยายามเอื้อมมือไปหยิบขันตักน้ำในถังเพื่อล้างปาก จึงทำให้เกิดพลาดหัวทิ่มจุ่มลงไปในถังและพยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาแต่ไม่เป็นผลสำเร็จ
กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
หลังจากแม่ตนกลับเข้าบ้านมาพอดีกระทั่งไปพบว่าหลานชายจมน้ำในถังน้ำหมดสติก่อนจะเสียชีวิตดังกล่าว อุบัติเหตุในครั้งนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ซึ่งเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ปกครองไม่ควรปล่อยเด็กเล็กอยู่เพียงตามลำพังและควรดูแลอย่างใกล้ชิด หลังจากนี้จะได้นำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนาต่อไป
