ผู้เชี่ยวชาญแจง ข้อข้องใจ สแลนคลุมไฟถนนหลวง กันแสงทำข้าวไม่ออกรวง

จากกรณีที่มีชาวบ้านหรือเกษตรกรนำกระสอบปุ๋ยและสแลนกันแดดปิดคลุมหลอดไฟฟ้าส่องสว่าง บนถนนทางหลวงหมายเลข บร.3001 สายละหานทราย – นางรอง ช่วงถนน 4 เลน บริเวณบ้านจอมปราสาท ต.สะเดา อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ทั้งยังใช้เชือกมัดกับกระป๋องกาแฟ และก้อนหินผูกติดห้อยระโยงระยาง รวมจำนวน 7 ต้น เพราะมีความเชื่อว่าแสงไฟทำให้ข้าวโตช้าและไม่ออกรวง

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

คืบหน้าล่าสุด วันที่ 20 พ.ย. นายสำราญ คดวงศ์ อายุ 62 ปี ชาว ต.สะเดา อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เผยว่า จากประสบการณ์ที่เคยทำนามา แสงไฟส่องถนนทำให้ข้าวออกรวงช้า เมื่อถึงฤดูทำนาก็จะเอาผ้าสแลนมาคลุมแสงไฟไว้ ข้าวก็จะออกรวงตามปกติ

ด้าน นายเกรียงศักดิ์ แผ้วพลสง อายุ 55 ปี นายก อบต.หนองโสน อ.นางรอง กล่าวว่า ในเขต อบต. ของตนก็เจอปัญหาเช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้มีชาวบ้านมาร้องเรียนขอให้ปิดโคมไฟถนน เพราะที่นาที่มีโคมไฟส่องถึง ข้าวจะไม่ออกรวง ไม่สุก ต้นข้าวเขียวตลอดเวลา เพราะได้แสงทั้งกลางวันจากดวงอาทิตย์ กลางคืนจากโคมไฟ จึงต้องดับไฟบางดวงที่ใกล้นาให้ ซึ่งใช้เวลาไม่นานเพียง 2 สัปดาห์และไม่ได้ดับทั้งหมดจะดับเพียงบางต้นเท่านั้น

ขณะที่ นายชาติชาย ศรีสะนอก หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาผลผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า โดยปกติข้าวหอมมะลิซึ่งเกษตรกรส่วนใหญ่จะปลูกกัน จะต้องการแสงไม่เกิน 12 ชม. หากเกินกว่านั้นจะทำให้ข้าวออกรวงช้าไปอีกประมาณ 30 วัน ส่วนผลผลิตก็จะลดลงบ้าง ที่ผ่านมาเกษตรกรจะรู้กันดี ส่วนใหญ่จะเอาผ้าสแลน มาบังแสงในที่นาของตนเอง

“ซึ่งจะใช้ผ้าสแลนรายละไม่มาก เพราะรัศมีของแสงจากโคมไฟถนนส่องไปไม่ไกล และนาข้าวของเกษตรกรที่อยู่ติดถนนแล้วโดนแสงรายละไม่มาก โดยเฉลี่ยนาข้าวของเกษตรกรจะโดนแสงไฟรายละประมาณ 1 งานเท่านั้น ทั้งนี้ด้วยภูมิปัญญาของเกษตรกรจะสามารถแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองได้ ไม่ได้รับผลกระทบมากขนาดนั้น” นายชาติชาย กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน