เด็กๆ ก็มางานบึงกาฬ คึกคักวันหยุด ชมลานความรู้-นวัตกรรมยางพารา

ลานยางพารา – ปีนี้ขยายพื้นที่ใหญ่กว่าเดิมพร้อมกิจกรรม ส่งเสริมกระบวนการคิด เสริมสร้างทักษะศิลปะ–วิทยาศาสตร์ สีสันมาเต็มรอบชิง ชนะเลิศ 2 เวที ประชันไทยแลนด์ลูกทุ่ง คอนเทสต์–คาราบาวบึงกาฬลั่นทุ่ง 2020

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ “งานวันยางพาราบึงกาฬ 2563” มหกรรมยางพารายิ่งใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน และเป็นงานประจำปียิ่งใหญ่ที่สุดของ จ.บึงกาฬ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-18 ธ.ค. ณ สนามที่ว่าการอำเภอเมือง จ.บึงกาฬ โดยปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 8 จัดภายใต้แนวคิด “บึงกาฬโมเดล 2020” นำเสนอต้นแบบการแก้ไขปัญหายางพารา นำไปสู่การพัฒนาเมือง เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว วัฒนธรรม

ทั้งนี้ งานวันยางพาราบึงกาฬจัดขึ้นด้วยจุดประสงค์ที่ชัดเจนว่าต้องการส่งเสริม จ.บึงกาฬให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยางพาราและอุตสาหกรรมต่อเนื่องของภูมิภาคและประเทศไทย ผลักดันให้เกิดการค้าขายและการลงทุนของอุตสาหกรรมยางพาราและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เพื่อให้เศรษฐกิจของจ.บึงกาฬเติบโต พร้อมประชาสัมพันธ์นโยบายประกันรายได้ยางพารา ข้าว และพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ของรัฐบาล เพื่อยกระดับรายได้ของเกษตรกร อีกทั้งเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ของเยาวชนและคนในพื้นที่ผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งการอบรม การให้ความรู้ ตลอดจนการแข่งขันด้านต่างๆ เพื่อเป็นการตอกย้ำว่าจ.บึงกาฬ เป็นเมืองศูนย์กลางยางพาราของประเทศที่มีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องจากเป็นวันหยุด จึงมีผู้ปกครองหลายคนพาลูกหลานมาชมกิจกรรมต่างๆ ภายในงานซึ่งมีถึง 12 โซนให้เรียนรู้ สร้างความคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า นอกจากองค์ความรู้และนวัตกรรมด้านยางพาราแล้ว การจัดงานวันยางพารา ทุกครั้งที่ผ่านมารวมถึงปีนี้ เน้นส่งเสริมกระบวนการคิดของเยาวชนผ่านฐานกิจกรรมต่างๆ ในโซนบึงกาฬลานเด็กเล่น ประกอบด้วยกิจกรรมเสริมสร้างทักษะ ด้านศิลปะและวิทยาศาสตร์ และสำหรับปีนี้ได้ขยายพื้นที่ใหญ่กว่าเดิม มีกิจกรรมให้สนุก และเรียนรู้ทุกวัน โดยมีเหล่ากูรูร่วมส่งเสริมความรู้แก่เยาวชน

ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ ผู้อำนวยการฝ่ายเผยแพร่เทคโนโลยี ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเท็ค) กล่าวว่า นอกจากนำเอาเทคโนโลยียางพาราส่งเสริมความรู้ให้กับชาวบึงกาฬแล้ว การส่งเสริมเยาวชนหรือให้ความรู้กับเด็กก็เป็นสิ่งสำคัญ ปีนี้มีกิจกรรมที่หลากหลาย อาทิ กิจกรรมทำถุงมือหนึบหนับ พารา กริบ (Para GRIP) กิจกรรมวาดการ์ตูนและระบายสีไม้ กิจกรรม มหัศจรรย์พับกระดาษแบบโอริงามิ กิจกรรมเก่งวิทย์ คิดสนุก กิจกรรมเมฆเล่าเรื่อง และการประกวดระบายสี

ผอ.เอ็มเท็ค กล่าวต่อไปว่า ลานเด็กเล่นแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นลานกิจกรรม นำเทคโนโลยียางพาราไปเล่นกับเด็ก เอาวิทยาศาสตร์มาผสานกับศิลปะ เป็นการทำยางพาราให้มีสี แล้วเอาไปเขียนบนถุงมือผ้า ทำให้ถุงมือใช้หยิบจับของไม่หลุดมือง่าย เด็กๆ สามารถออกแบบลวดลายตามจินตนาการและเอากลับไปใช้งานได้ อีกส่วนที่เป็นวิทยาศาสตร์ แบ่งออกเป็น 3 ส่วนย่อย ส่วนแรกมีกลวิทยาศาสตร์ สร้างอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ ส่วนที่สองพาเด็กไปชื่นชมธรรมชาติด้วยการดูเมฆกับท้องฟ้า ทำความเข้าใจเรื่องการเกิดฟ้าร้อง ฟ้าฝ่า ฝนตก ส่วนที่สามคือการพับกระดาษ สอนเด็กพับของเล่น

ด้าน อิทธิวัฐก์ สุริยมาตย์ นักวาดการ์ตูนไทยที่ไปคว้ารางวัลจากประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า กิจกรรมหลักๆ ที่ดูแลร่วมกับ จีรพงษ์ ศรนคร นักวาดการ์ตูนชื่อดังจากขายหัวเราะ คือการออกแบบคาแร็กเตอร์การ์ตูน การระบายสี ต่อเนื่องจากปีที่แล้วที่ได้เรียนรู้ว่าเด็กต้องการอะไร มีพื้นฐานอย่างไร ปีนี้นอกจากการออกแบบ ระบายสีแล้ว ได้เพิ่มการคิดเรื่องเข้าไปด้วย จริงๆ คาเร็กเตอร์ ถ้าคิดมาก็ขายได้ เช่น ไลน์สติ๊กเกอร์ ของ ที่ระลึก ซึ่งสามารถต่อยอดเชิงธุรกิจ เด็กอาจสร้างตัวการ์ตูนยางพาราขึ้นมาเป็นการสร้างธุรกิจให้เกิดขึ้นได้

เวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบริเวณเวทีปราชญ์ชาวบ้าน จัดการเสวนาหัวข้อ “พระเสด็จโดยแดนชล” โดย ศ.พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ด้านพระราชพิธี โดยมีนายสนิท ขาวสอาด ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ร่วมรับฟัง พร้อมเดินชมนิทรรศการขบวนเรือพระราชพิธี หลังเสร็จสิ้นการเสวนา

ศ.พิเศษ ธงทอง กล่าวว่า การเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค มีความคล้ายกับการจัดขบวนพยุหยาตราในการเสด็จพระราช ดำเนินถวายผ้าพระกฐิน แต่แตกต่างกันด้วยวัตถุประสงค์ เพราะการถวายผ้าพระกฐิน พระมหากษัตริย์จะเสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดใดวัดหนึ่งเพื่อถวายผ้าพระกฐิน แต่การเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครเป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เพื่อให้ประชาชนได้ชมพระบารมี ทั้งนี้ หลักฐานเรื่องขบวนเรือในพระราชพิธีมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาเป็นราชธานีแล้ว

“การสูญเสียเรือพระราชพิธีสมัยอยุธยาตอนปลาย ทำให้มีการซ่อมแซมในสมัยกรุงธนบุรี ทั้งนี้ ในสมัยรัตนโกสินทร์ปรากฏ การเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เป็นครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โดยมีจำนวนเรือในกระบวน 269 ลำ จำนวนฝีพายราว 10,000 คน ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการใช้เรือพระที่นั่ง ในหลายโอกาส ซึ่งมีเหตุการณ์พิเศษคือ พระราชพิธีลงสรงเพื่อรับพระปรมาภิไธยดำรงพระเกียรติยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร อย่างไรก็ดี ในสมัยรัชกาลที่ 5-7 โอกาสที่เจ้านายฝ่ายในเสด็จฯในการพระราชพิธีร่วมกับพระเจ้าแผ่นดินพร้อมในวาระเดียวกัน สมัยก่อนจะถือว่าธรรมเนียมฝ่ายหน้า ฝ่ายในต้องแยกกันอยู่ แต่ในสมัยรัชกาลที่ 9 ที่ผ่านมา หรือในรัชสมัยของรัชกาลที่ 10 ทรงโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราช ดำเนินพร้อมด้วย แสดงให้เห็นว่าธรรมเนียมได้เปลี่ยนแปลงไป” ศ.พิเศษธงทองกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากโซนการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชนที่มีผู้สนใจร่วมกิจกรรมจำนวนมาก ยังมีประชาชนเข้าชมงานในโซนนิทรรศการต่างๆ อาทิ โซนบึงกาฬโมเดล 2020 ที่นำเสนอ 7 ปีกับความก้าวหน้าเมืองศูนย์กลางยางพารา แบบอย่างความสำเร็จในการแก้ปัญหาและพัฒนายางพาราอย่างเป็นระบบ ยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองในอนาคต การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน,

โซนบึงกาฬลานเด็กเล่น และโซนนิทรรศการแสดงผลงานของหน่วยงานต่างๆ นอกจากนี้ ยังคึกคักเป็นพิเศษ

ด้วยเป็นวันที่ผู้ที่ผ่านเข้ารอบคัดเลือกประกวดร้องเพลงไทยแลนด์ลูกทุ่งคอนเทสต์ และคาราบาวบึงกาฬลั่นทุ่ง 2020 มารายงานตัวและซ้อมคิวการประกวดท่ามกลางกองเชียร์และญาติพี่น้องมาให้กำลังใจ โดยวันที่ 16 ธ.ค.นี้ จะเป็นการประกวดรอบชิงชนะเลิศของทั้ง 2 เวที มี ครูสลา คุณวุฒิ ครูเพลงลูกทุ่งและโปรดิวเซอร์ชื่อดัง, ครูเทียม–ชุติเดช ทองอยู่ คอมเมนเตเตอร์ชื่อดังผู้คร่ำหวอดในวงการลูกทุ่ง และครูเรืองยศ พิมพ์ทอง โปรดิวเซอร์ลูกทุ่งชั้นนำของเมืองไทย ร่วมเป็นกรรมการ