ล่าระทึก! หนุ่มสมุยคลั่ง ไล่แทงนักท่องเที่ยว เยอรมัน-รัสเซีย เจ็บ 2 ราย
เมื่อวันที่ 17 ม.ค พ.ต.อ.ยุทธนา ศิริสมบัติ ผกก.สภ.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรกำลังปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดตรวจอยู่บริเวณสามแยกพรุเฉวง ม.2 ต.บ่อผุด ได้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติขี่รถจักรยานยนต์พาร่างโชกเลือดมาขอความช่วยเหลือ หลังถูกคนร้ายใช้อาวุธมีดแทงเข้าที่กลางหลังได้รับบาดเจ็บ
โดยมีคลิปวีดีโอจากมือถือขณะที่ Mr.Shchelov Ivan อายุ 35 ปี สัญชาติรัสเซีย มาขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ หลังถูกแทงด้วยอาวุธมีดเข้าที่แผ่นหลัง เป็นแผลฉกรรจ์ขนาดกว้างประมาณ 4 ซม. ลึกประมาณ 2 ซม. เจ้าหน้าที่ซักถามทราบว่า คนร้ายเป็นชายไทย 1 คน สวมเสื้อยืดสีดำ ขี่รถจักรยานยนต์สีแดงดำ ใช้อาวุธมีดปลายแหลมเข้าทำร้ายบริเวณสำนักสงฆ์เขาหัวจุก ต.บ่อผุด
เจ้าหน้าที่สกัดจับผู้ก่อเหตุไล่แทงนักท่องเที่ยว
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ่อผุด ยังได้รับแจ้งอีกว่า ที่ถนนซอยปลายแหลม 7 บ้านปลายแหลม ม.5 ต.บ่อผุด มีนักท่องเที่ยวถูกทำร้ายอีก 1 ราย ทราบชื่อ Mr.Lemke Heinz อายุ 53 ปี สัญชาติเยอรมัน มีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดเข้าที่หน้าท้อง ขนาดกว้างประมาณ 2 ซม. ลึกประมาณ 2 ซม. ขณะนี้ถูกนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลไทยอินเตอร์เนชั่นแนลสมุย
กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
ต่อมามีพลเมืองดีเข้ามาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า พบเห็นคนร้ายเป็นชายไทยยืนถือมีดอยู่บนสำนักสงฆ์เขาหัวจุกคล้ายคนเมายาเสพติด จึงนำกำลังเข้าไปตรวจสอบและจับกุมได้สำเร็จ ทราบชื่อว่า นายหนึ่งนริศ ปานมาศ หรือหนุ่ม พร้อมของกลางอาวุธมีดปลายแหลม 1 เล่ม และรถจักรยานยนต์ สีแดงดำ หมายเลขทะเบียน คยบ 932 สุราษฎร์ธานี ก่อนนำตัวไปสอบปากคำที่ สภ.บ่อผุด
พ.ต.อ.ยุทธนา ผกก.สภ.บ่อผุด เผยว่า นายหนึ่งนริศ ไปก่อเหตุแทงนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันพื้นที่บ้านปลายแหลมมาก่อน และจะขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีมาที่สำนักสงฆ์เขาหัวจุก จนมาก่อเหตุกับนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียอีกราย สำหรับผู้ต้องหาเคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ตอนนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำถึงมูลเหตุในการก่อเหตุในครั้งนี้ และตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับอันตรายต่อการหรือจิตใจ
สำหรับอาการบาดเจ็บของ Mr.Lemke Heinz อายุ 53 ปี นักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน และMr.Shchelov Ivan อายุ 35 ปี นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว แต่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์เพื่อดูอาการ
