นักศึกษา มช. ยื่นขอจัด “ล่น ไล่ ลุง” จนท.ขอเป็นกลาง ส่งผู้บริหารตัดสินใจ

เมื่อวันที่ 22 ม.ค. กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ผู้จัดงาน “ล่น ไล่ ลุง” นำโดยนายธนาธร วิทยเบญจางค์ ได้ไปยื่นหนังสือให้กับมหาวิทยาลัย เพื่อขอใช้สถานที่บริเวณอ่างแก้วและอ่างตาดชมพู โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อกระตุ้นให้นักศึกษาและประชาชนทั่วไปที่มีความสนใจในการวิ่งออกกำลังกายมีสุขภาวะที่ดีขึ้น โดยกิจกรรมดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันที่ 2 ก.พ. 2563 ตั้งแต่เวลา 05.00 – 10.00 น.

จากการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัย อธิบายว่า ในเบื้องต้นจะรับไว้เพื่อส่งให้ผู้บริหารระดับสูงพิจารณาก่อน เพราะตนไม่สามารถตัดสินใจได้ เป็นประเด็นทางการเมืองที่ผู้ใหญ่ต้องพิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่ ให้ความเห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่มหาวิทยาลัยมีกิจกรรมเยอะทั้งงานรับปริญญา งานครบรอบ 55 ปี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งกิจกรรมที่มายื่นต้องเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน อาจจะกระชั้นชิดไป

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

เจ้าหน้าที่ผู้รับหนังสืออธิบายถึงเหตุการณ์ในช่วงเวลาที่ทั้งสีแดง และสีเหลือง กำลังมีปัญหากันนั้นมหาวิทยาลัยก็พยายามวางตัวเป็นกลาง จึงไม่อยากให้ก้าวเท้าเข้าไปเต็มๆ เพื่อยุ่งเกี่ยวกับการเมืองโดยใช้ชื่อมหาวิทยาลัย หากสมมติว่าฝั่งนึงทำได้ คนอีกฝั่งที่รักลุงก็ต้องทำได้จนกลายเป็นวิวาทะกันหน้ามหาวิทยาลัยหรือในมหาวิทยาลัย ซึ่งเมื่อก่อนก็มีกลุ่มอาจารย์ก็ต้องไปตั้งมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน นอกมหาวิทยาลัย เพราะผู้บริหารก็ต้องวางตัวเป็นกลางในพื้นที่มหาวิทยาลัย

เจ้าหน้าที่ บอกอีกว่า ส่วนตัวนั้นมีความเข้าใจในความการแสดงความเห็นทางการเมืองที่หลากหลาย แต่ก็ไม่อยากให้แสดงความเห็นทางการเมืองเนื่องจากจะทำให้ทะเลากัน แม้แต่ในครอบครัวมันก็ยังเถียงกันอยู่ดี อยากให้ทำอะไรนึกถึงสถานบันของพวกเราเพราะมันใช้ชื่อมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถึงจะโปรโมตว่าอ่างแก้วไม่ใส่ชื่อมหาวิทยาลัย แต่อ่างแก้วก็อยู่ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในเรื่องสิทธิเสรีภาพพี่ก็เข้าใจ เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าจะเสนอเรื่องให้แต่จะไม่ก้าวล่วงอำนาจการตัดสินใจของผู้ใหญ่ เพียงแต่ที่แสดงความเห็นนี้เป็นการทำความเข้าใจ กับกลุ่มผู้จัด

ภายหลังการพูดคุยในนายธนาธร วิทยเบญจางค์ ได้อธิบายว่าเหตุที่จัดกิจกรรม เพื่อต้องการจะส่งเสริมสุขภาพและสุจภาวะของนักศึกษาและผู้เข้าร่วมกิจกรรม โดยการออกมา “ล่น ไล่ ลุง” แต่ทางเจ้าหน้าที่มหาวิยาลัยมีความกังวลเรื่องนัยยะแฝงทางการเมือง จะทำให้มหาวิทยาลัย “ไม่เป็นกลาง” ซึ่งส่วนตัวแล้วเห็นว่าความเป็นกลางทางการเมืองนั้น ควรที่จะเปิดพื้นที่มหาวิทยาลัยให้ทุกฝ่ายได้แสดงความเห็นทางการเมืองเพื่อจะทำให้ทุกฝ่ายได้แสดงออกถึงความเห็นของตนเอง ไม่ใช่ปิดพื้นที่มหาวิทยลัย ไม่ให้ทุกกลุ่มแสดงความเห็นทางการเมือง แล้วบอกว่าพื้นที่มหาวิทยาลัยต้องเป็นกลางทางการเมือง

นายธนาธร กล่าวต่อว่า สุดท้ายจะทำให้ความไม่พอใจของทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงหรือแก้ไขปัญหาที่แท้จริงไม่ได้ เนื่องจากไม่สามารถพูดหรือถกเถียงข้อเท็จจริงกันได้ในพื้นที่ซึ่งควรจะมีอิสระภาพทางวิชาการสูงที่สุด กลับกลายเป็นพื้นที่ที่ถูกกีดกันเนื่องจาก ความเห็นของผู้รู้ดีไม่กี่คนตัดสินใจปิดกั้นโดยอธิบายถึงความวงบและความมั่นคง สุดท้ายผมหวังว่าผู้บริหารจะมีอธิบายกับตนเองในแนวคิดเรื่อง “ความเป็นกลางในพื้นที่มหาวิทยาลัย” ใหม่เพื่อสนับสนุนให้เกิดการพูดคุยถึงปัญฆาสังคมการเมืองในพื้นที่มหาวิทยาลัย สำหรับทั้งนักศึกษาและประชาชนผู้เสียภาษี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน