วันที่ 15 พ.ค. ร.ต.อ.รุ่ง ปัญญา รองสารวัตร (สอบยสวน) สภ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ถูกรถบรรทุก 18 ล้อชน มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 3 ราย บนถนนสายอยุธยา-นครหลวง หมู่ 4 ต.ปากจั่น อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่สมาคมอยุธยารวมใจ
ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุก 18 ล้อ หมายเลขทะเบียนตัวแม่ 70-0739 สกลนคร หมายเลขทะเบียนตัวลูก 70-0736 สกลนคร จอดอยู่ริมถนนฝั่งมุ่งหน้าเข้า อ.พระนครศรีอยุธยา กลางถนนพบรถจยย.ฮอนด้าเวฟ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน กบล 958 พระนครศรีอยุธยา ล้มคว่ำอยู่ ใกล้กันพบศพนายประทีป ภักดี อายุ 41 ปี น.ส.สุภาณี เผือกเหลือง อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นสามี-ภรรยากัน นอกจากนี้ยังพบรถจยย.ฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ขฉธ 362 พระนครศรีอยุธยา ตกอยู่ข้างทาง ห่างออกไปประมาณ 20 เมตร พบรถจยย.ฮอนด้าเวฟ สีแดงดำ หมายเลขทะเบียนป้ายแดง 61-171 พระนครศรีอยุธยา ล้มคว่ำขวางถนน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บมี 3 ราย เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช ทราบชื่อคือนายชาย ต้อม อายุ 31 ปี น.ส.จันทร์นา ชวน อายุ 31 ปี และด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 6 เดือน ทั้ง 3 คน เป็นชาวกัมพูชา ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
จากการสอบสวนนางยุวดี นามลไสย์ อายุ 39 ปี ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่าก่อนเกิดเหตุเห็นรถจยย.ฮอนด้าเวฟ สีแดงดำ หมายเลขทะเบียนป้ายแดง 61-171 พระนครศรีอยุธยา โดยมีครอบครัวชาวกัมพูชาทั้ง 3 คน ซ้อนกันมา โดยขี่มาจากอ.นครหลวง มุ่งหน้าไป อ.พระนครศรีอยุธยา แต่จังหวะที่กำลังชะลอรถเลี้ยว รถจยย.ของผู้เสียชีวิตที่ขี่ตามหลังมาพุ่งชนจนล้มคว่ำไปกลางถนน ตนเห็นว่ามีเด็กทารกกระเด็นไปกลางถนน จึงรีบวิ่งไปอุ้มออกมา จังหวะนั้นก็มีรถบรรทุกขับตามหลังมาแล้วเหนียบทับ 2 ผัวเมียที่นอนได้รับบาดเจ็บกลางถนน จนเสียชีวิตดังกล่าว
ด้านน.ส.กัญญ์ภัทร์ ป๊อกงาม อายุ 39 ปี พนักงานส่งไปรษณีย์ ซึ่งได้รับบาดเจ็บกล่าวว่าตนขี่รถกำลังไปส่งจดหมายในอ.นครหลวง เมื่อมาถึลบริเวณที่เหตุพบเห็นรถจยย.ที่วิ่งสวนทางมาเฉี่ยวชนกันจนรถจยย.ล้มกลิ้งทั้งคนขับและรถล้มขวางถนน รถบรรทุกที่วิ่งตามหลังมาพยายามหักหลบจนเสียหลักทับร่างผู้เสียชีวิต 2 รายแล้วพุ่งมาตนจนต้องหักหลบตกลงไปข้างรอดตายหวุดหวิด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่ารถจยย.ของคนเจ็บและผู้เสียชีวิตเกิดการเฉี่ยวชนกันก่อนจนล้มจังหวะนั้นรถยนต์บรรทุกวิ่งตามหลังพอดีจึงพุ่งทับร่างของ 2 สามีภรรยาเสียชีวิต ส่วนคนเจ็บอีก 3 คนซึ่งเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้ถูกทับได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์อย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุต่อไป
