วันที่ 20 พ.ค. พ.ต.ท เกรียงเดช ชัยบรรณ์ รองผกก. (สอบสวน) สภ.แม่สอด จ.ตาก รับแจ้งเหตุสาวใช้ต่างด้าวบุกจี้ชิงทรัพย์นายจ้างคนไทย ภายในอาคารศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ สาขาแม่สอด เลขที่ 866 หมู่ 2 ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน

ที่เกิดเหตุอยู่ติดริมถนนสายแม่สอด–แม่ระมาด ภายในอาคารที่พักติดกับศูนย์จำหน่ายสินค้าพบนางณัฐญา แก้วจา อายุ 52 ปี ผู้จัดการศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์และเป็นนักจัดรายการวิทยุท้องถิ่นประจำอำเภอแม่สอด ยืนรอตำรวจด้วยอาการตื่นเต้น ก่อนพาเดินไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นห้องพักของตนเอง โดยที่ประตูด้านหลังห้องพักพบมีดปลายแหลมยาว 1 ฟุต เชือกไนล่อนสีเขียวยาว 1 เมตร และไม้ยาว 1 เมตร ซึ่งทั้งหมดเป็นอาวุธที่คนร้ายใช้ก่อเหตุชิงทรัพย์ตกอยู่ จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

ส่วนคนร้ายทราบชื่อคือนางซานมิน ม่า อายุ 40 ปี สาวใช้ชาวเมียนมาที่เพิ่งมาสมัครงานเป็นแม่บ้านได้เพียง 2 วัน หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.จำแรง สุดใจ ผกก.สภ.แม่สอด ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่เฝ้าตามจุดข้ามตามธรรมชาติตลอดแนวชายแดนไทย- เมียนมา กระทั่งสามารถจับกุมตัวนางซานมิน ได้บริเวณท่าข้ามบ้านท่าอาจ ติดแนวชายแดนอำเภอแม่สอด พร้อมเงินของกลาง 600 บาท ที่ได้มาจากการก่อเหตุ หลังจากนั้นจึงคุมตัวมาที่ สภ.แม่สอด เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพโดยอ้างว่าก่อเหตุจริง เนื่องจากต้องการหาเงินไปเป็นค่ารักษาพยาบาลแม่ที่ป่วยหนักที่ประเทศเมียนมา แต่ก็มาถูกจับกุมตัวได้ระหว่างหลบหนีข้ามชายแดน

ด้านนางณัฐญา ผู้เสียหาย เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนเดินทางไปทำธุระที่ กทม. ขากลับพบผู้ต้องหาที่ชานชาลาสถานีขนส่งหมอชิต 2 แล้วมีการพูดคุยกัน โดยผู้ต้องหาพูดว่าเดือดร้อนเงินและกำลังจะไปหางานทำที่อำเภอแม่สอด ตนเป็นคนใจบุญและชอบช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ จึงเกิดความสงสารรับตัวให้มาทำงานที่บ้านและนั่งโดยสารรถประจำทางออกจาก กทม. เดินทางมา อ.แม่สอด ด้วยกัน ก่อนจะให้ผู้ต้องหาทำงานในตำแหน่งแม่บ้าน

นางณัฐญา กล่าวต่อว่า เมื่อผู้ต้องหาทำงานได้เพียงวันที่ 2 ก็ก่อเรื่อง โดยเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ระหว่างที่ตนนอนพักผ่อนอยู่ภายในห้องพัก ผู้ต้องหาได้ถือมีดปลายแหลม เชือกยาว และไม้ เดินเข้ามาเคาะประตูห้องนอนของตน ทำทีจะขอไปทำความสะอาดห้องพัก ตนจึงเปิดประตูห้องนอนออก ผู้ต้องหาจึงอาศัยจังหวะนั้นใช้มีดปลายแหลมบุกเข้าประชิดตัวและบอกให้เงียบมิเช่นนั้นจะฆ่าปิดปาก สิ้นเสียงเตือนผู้ต้องหาจึงสั่งให้ตนเปิดตู้เซฟที่เก็บของมีค่าออกมา และขอเงินสดจำนวน 1 หมื่นบาท

“แต่ในนาทีวิกฤตนั้นฉันตั้งสติได้ และไม่คิดต่อสู้เนื่องจากเสียเปรียบ จึงพูดจาหลอกผู้ต้องหาว่ากุญแจตู้เซฟอยู่อีกห้อง ก่อนจะใช้ส่งเงินสดที่มีติดตัวในขณะนั้นไปให้ผู้ต้องหาไป 600 บาท และหลอกผู้ต้องหาให้เดินออกนอกห้องนอน เมื่อผู้ต้องหาตายใจ ฉันจึงอาศัยจังหวะนั้นรีบปิดล็อกประตูห้องนอนโดยทันที แล้วแกล้งตะโกนทำทีว่าโทรศัพท์แจ้งเหตุให้ตำรวจทราบเหตุ ซึ่งขณะนั้นฉันก็ไม่ได้พกโทรศัพท์แต่อย่างใด แต่ก็ได้ผลผู้ต้องหาคิดว่าโทรแจ้งตำรวจจริง จึงรีบทิ้งอาวุธแล้ววิ่งหนีออกจากบ้านพักไป กระทั่งมาถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว” นางณัฐญา กล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ ก่อนส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน