เจ้าของบริษัทค้าวัสดุก่อสร้างดีลเลอร์ เครือ SCG ที่ราชบุรีเข้าร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดราชบุรี หลังมีชายลึกลับแอบอ้างชื่อว่า สมโชค รองผู้บังคับการกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม เรียกขอให้โอนเงินจำนวน 5,000 บาท หากไม่ให้ตามตกลงจะนำเจ้าหน้าที่ 7 นายเข้าบุกตรวจจับกุมเหล็กเส้นและสินค้าเกี่ยวกับ มอก.ภายในบริษัท เบื้องต้นจากการตรวจสอบมีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อโอนเงินแล้วหลายราย

วันที่ 15 มิ.ย. นายสงคราม อริยธนประภา เจ้าของบริษัท ราชบุรีซีเมนต์ (SCG) ตั้งอยู่ถนนเพชรเกษมสายเก่า ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี เดินทางเข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดราชบุรี หลังมีชายลึกลับโทรศัพท์เข้ามาภายในบริษัท ว่าเป็นตำรวจจากกองบังคับการปราบปราม จะเข้าทำการตรวจค้นและจับกุมสินค้าประเภทเหล็กเส้นและสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ มอก. โดยยื่นข้อเสนอว่า “ถ้าเป็นพวกกัน ขอให้โอนเงินจำนวน 5,000 บาท แล้วจะเข้ามาตรวจเป็นพิธีโดยจะนำเจ้าหน้าที่จำนวน 7 นายเข้ามาตรวจจับกุม แต่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับบริษัท และครั้งต่อไปที่จะมีการเข้ามาตรวจจับกุมก็จ่ายเพียงแค่ 3,000 บาท พร้อมทั้งดูแลที่พักและค่าอาหารต่อครั้งที่เดินทางมา โดยให้โอนเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ ภายในเวลา 14.30 น. หากไม่โอนจะนำเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองปราบปรามเข้าดำเนินการจับกุม พร้อมทั้งอ้างว่าชื่อ สมโชค ตำแหน่ง รองผู้บังคับการกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม ทำให้ตนเองไม่แน่ใจเกรงว่าอาจจะถูกกลั่นแกล้ง และสงสัยว่าจะเป็นแก๊งค์มิจฉาชีพเข้ามาหลอกลวง จึงขอให้ทางศูนย์ดำรงธรรมช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงพร้อมทั้งประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลดำเนินการต่อไป

นายสงคราม อริยธนประภา เปิดเผยว่า ตนเองเป็นบริษัทเกี่ยวกับการค้าวัสดุก่อสร้างและเป็นดีลเลอร์ เครือ SCG จำหน่ายสิ้นค้าอย่างถูกต้องตามกฎหมายและสินค้าทุกประเภทมี มอก. กำกับชัดเจน เพราะมีกรรมการกลางจาก SCG เข้าตรวจสอบคุณภาพของสินค้าโดยตลอด นอกจากนี้ยังมีเอกสารใบกำกับยืนยัน โดยเมื่อช่วงเวลา 11.00 น.(14 มิ.ย.) ปรากฏว่ามีสายโทรศัพท์จากชายลึกลับอ้างตนว่าเป็นตำรวจจากกองปราบ ชื่อสมโชค ตำแหน่งรองผู้บังคับการกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม จะเข้าทำการจับกุมภายในบริษัทของตน โดยขอให้โอนเงินจำนวน 5,000 บาท เข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ หมายเลขบัญชี 333-418-6040 ในนาม สมจิต วุฒธิสาหะ ภายในวันเดียวกันเวลาประมาณ 14.30 น. ซึ่งตนเองก็พยายามบ่ายเบี่ยงว่าจะให้ลูกน้องที่บริษัทออกไปทำการโอนให้ เนื่องจากตนเองอยู่นอกบริษัทไม่สะดวก พร้อมทั้งได้โทรเช็คไปตามดีลเลอร์ต่างๆ รวมไปถึงบริษัทที่ค้าวัสดุก่อสร้างที่รู้จักกันทราบว่าตามบริษัทต่างๆ ก็โดนเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่ไม่มีใครยอมโอน ทำให้ตนเองเกิดความสงสัยและเกรงว่า หากเป็นตำรวจจากกองปราบปรามจริงหากเข้ามาตรวจสอบจริงจะถูกกลั่นแกล้งจึงตัดสินใจเดินทางเข้าร้องต่อศูนย์ดำรงธรรมเพื่อขอให้ตรวจสอบว่าชายลึกลับดังกล่าวเป็นตำรวจจากกองปราบปรามจริงหรือไม่

ทั้งนี้นายสงคราม ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะเวลาที่ชายลึกลับที่อ้างเป็นตำรวจกองปราบปราม ได้โทรศัพท์เข้ามาเพื่อติดตามการขอให้โอนเงินตลอด ตนก็พยายามบ่ายเบี่ยงตลอด ซึ่งระหว่างที่กำลังพูดคุยกับผู้สื่อข่าว สายโทรศัพท์จากชายลึกลับที่ระบุหมายเลขโทรศัพท์ว่า 0645085466 ได้โทรเข้ามา ทางนายสงครามก็ได้เปิด Speaker Phone เพื่อยื่นยันกับผู้สื่อข่าวและทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมฟัง และบันทึกเสียงพฤติกรรมของชายลึกลับดังกล่าวไว้เป็นพยานหลักฐาน โดยสายสนทนาพยายามพูดทวงถามการขอให้โอนเงินตลอดเวลา หากไม่ยอมโอนก็จะไม่รับผิดชอบหากเกิดอะไรขึ้นกับร้าน

ขณะเดียวกันมีผู้เสียหายและเป็นเจ้าของบริษัทวัสดุก่อสร้าง ดีลเลอร์ในเครือ SCG อยู่ที่ตำบลท่าผา อำเภอบ้านโป่งได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่ตนเองและกลุ่มเพื่อนร้านค้าวัสดุก่อสร้างภายในอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ว่ามีผู้เสียหายทั้งหมด 3 คนที่ทำการโอนเงินไปลายละประมาน 3,000 – 5,000 บาทเพราะแต่ละล้านเกรงว่าจะเป็นตำรวจเข้าตรวจจับกุมจริง

ด้าน น.ส.ประภารัตน์ นาคผจญ หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดราชบุรี เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางศูนย์ดำรงธรรมราชบุรีได้รับเรื่องปัญหาการร้องเรียนดังกล่าวแล้ว ทางศูนย์ฯได้เร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยทันที โดยอาจจะเป็นพวก 18 มงกุฏที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อเรียกร้องผลประโยชน์แก่ประชาชน บริษัทห้างร้านต่างๆ เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า จังหวัดราชบุรีมีผู้ประกอบการที่ขอขึ้นทะเบียนจดบริษัทห้างร้านเกี่ยวกับการค้าวัสดุก่อสร้างประมาณจำนวน 40-50 ราย และที่มีรายงานว่าโดนชายแอบอ้างเป็นตำรวจจากกองปราบปรามจะเข้าจับกุมโดยขอเรียกเงินแล้วเกือบ 10 บริษัทห้างร้าน และมีบริษัทที่โอนเงินให้ไป 3 บริษัทที่อยู่ภายในอำเภอบ้านโป่ง รายละประมาณ 3,000 บาท โดยมีสลิปและหลักฐานการโอนเงินเก็บไว้ จึงอยากฝากเตือนประชาชนว่าหากเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม หรือตำรวจจากกองปราบปรามจะเข้าตรวจค้นหรือจับกุมจะต้องแสดงบัตรหรือเอกสารหมายต่างๆ ทุกครั้งและจะไม่มีการโทรเข้าไปเรียกร้องเงินหรือทรัพย์สินใดๆ เพราะหากพบเจ้าหน้าที่รัฐกระทำการดังกล่าวก็จะถูกดำเนินคดีพร้อมทั้งสอบวินัย โทษสูงสุดคือให้ออกจากราชการ หากสงสัยสามารถเข้ามาร้องเรียนหรือสอบถามได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมทุกแห่ง หรือ โทร 1567

ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองราชบุรี ได้ติดตามหาเบาะแสและข่าวเชิงลึก ทราบว่ามีการแอบอ้างจริง จากการตรวจสอบไปยัง กองบังคับการกองปราบปราม ยืนยันว่ามีการแอบอ้างจริง และไม่มีชื่อ รองสมโชค ภายใน กองบังคับการ 3 กองกำกับการปราบปราม แต่อย่างใด อีกทั้งยังทราบว่ามีข่าวการแอบอ้างเป็นตำรวจกองปราบนำไปแอบอ้างสร้างความเดือดร้อนประชาชนบ่อยครั้ง จึงอยากฝากเตือนประชาชนอย่าได้หลงเชื่อโดยเด็ดขาด เพราะหากตกเป็นเหยื่ออาจสูญเสียทรัพย์สินได้ สำหรับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อก็สามารถเข้าแจ้งความดำเนินคดีได้ที่สถานีตำรวจทุกท้องที่ทุกแห่ง หรือ แจ้งไปยังกองบังคับการกองปราบปรามได้โดยตรง

ทั้งนี้จากการรายงานของแหล่งข่าวพบว่าแก๊ง 18 มงกุฏที่อ้างตัวเป็นตำรวจกองปราบปรามอาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ และคาดว่ามีการทำกันเป็นขบวนการ ทั้งการโทรศัพท์ติดต่อเหยื่อ การสำรวจแหล่งของผู้ประกอบการบริษัทห้างร้าน และการเปิดบัญชีธนาคารที่ให้เหยื่อโอนเงินเข้าบัญชี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เร่งดำเนินการแกะรอย และติดตามตัวกลุ่มมิจฉาชีพรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป เพราะเป็นภัยต่อสังคม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน