วันที่ 20 มิ.ย. เรือนจำจังหวัดภูเก็ตได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.ภูเก็ต ถนนศักดิเดชน์ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ว่ามีเยาวชนผู้ต้องขังชายก่อการจลาจลทุบทำลายทรัพย์สินของทางราชการได้รับความเสียหายและเกรงว่าเหตุการณ์อาจบานปลายได้ทุกขณะ ขอกำลังเจ้าหน้าที่เรือนจำและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต, นปพ.ภ.จว.ภูเก็ต มาควบคุมสถานการณ์ จากนั้นจึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.นิกร ชูทอง รักษาการณ์ รอง ผกก.ป.สภ.เมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่สายตรวจ รุดไปตรวจสอบและระงับเหตุ

ที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ภายในของสถานพินิจตั้งอยู่ริมถนนสายดังกล่าว พบเจ้าหน้าที่สถานพินิจกำลังกระจายกำลังออกตรวจสอบบริเวณโดยรอบ เพื่อตรวจสอบผู้ต้องขังหลบหนี ขณะที่ภายในได้มีเจ้าหน้าที่สถานพินิจและตำรวจกำลังพูดคุยกับผู้ต้องขังชายที่เป็นเยาวชนผ่านประตูลูกกรง เพื่อสอบถามสาเหตุที่ทุบทำลายทรัพย์สินต่างๆ เช่น กระจกหน้าต่างและข้าวของจนได้รับความเสียหาย ขณะเดียวกันผู้ต้องขังยังคงใช้เหล็กที่มาจากราวตากผ้าทุบกระจกหน้าต่างพร้อมกับส่งเสียงโห่ร้อง

จากนั้นเจ้าหน้าที่เรือนจำและตำรวจต่างเตรียมความพร้อม โดยมีเพียงกระบองที่เข้าควบคุมสถานการณ์ ซึ่งใช้เวลาราว 30 นาที จึงสามารถควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ไว้ได้ โดยไม่มีการเข้าจับกุมหรือใช้กำลังแต่อย่างใด พร้อมกับควบคุมตัวผู้ต้องขังชายเยาวชนจำนวน 11 คน ออกจากพื้นที่สถานพินิจไปยังเรือนจำจังหวัดภูเก็ต เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

จากการสอบสวนทราบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากผู้ต้องขังที่เป็นเยาวชนชายที่ก่อเหตุพยายามจะเรียกร้องความสนใจให้เจ้าหน้าที่นำตัวเพื่อนผู้ต้องขังที่เป็นผู้นำกลุ่มกลับมาคุมขังที่สถานพินิจ หลังถูกแยกตัวไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดภูเก็ตเมื่อหลายวันก่อน เนื่องจากก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับผู้ต้องขังที่เป็นเยาวชนต่างถิ่นที่สถานพินิจ เพราะเกิดการเขม่นและไม่พอใจกันขึ้น ทั้งนี้สืบเนื่องจากระหว่างวันที่ 14-16 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการนำผู้ต้องขังเยาวชนทั้งหมดเป็นชาย 31 คน และหญิง 7 คน ไปทัศนศึกษาที่เกาะโหลน อ.เมือง จ.ภูเก็ต จากนั้นได้มีการขอยาเส้นจากชาวบ้านในพื้นที่มาม้วนใบจากสูบ แต่มีการแบ่งยาเส้นไม่ทั่วถึง จึงเกิดการเขม่นและไม่พอใจระหว่างกลุ่มกันขึ้น จึงมีการย้ายผู้ต้องขัง 4 คน ออกจากสถานพินิจไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดภูเก็ต สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ต้องขังชายที่เป็นเพื่อนรักกับผู้ต้องขังทั้ง 4 คน จึงเป็นที่มาของเหตุการณ์จราจล อย่างไรก็ดีอยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุ นายนรภัทร ปลอดทอง ผวจ.ภูเก็ต พร้อมด้วย นายสนิท ศรีวิหก รอง ผวจ.ภูเก็ต ได้เดินทางมาติดตามสถานการณ์ที่สถานพินิจอย่างใกล้ชิด พร้อมขอให้เจ้าหน้าที่สถานพินิจพิจารณาใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อแก้ปัญหา ทั้งในส่วนของการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างเยาวชน และดูแลความปลอดภัยเยาวชนที่ไม่เกี่ยวข้อง รวมถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ผู้ดูแล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน