วันที่ 8 พ.ค. พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริญ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.ธิติพงษ์ สียา พ.ต.ท.สรรเพชร ไตรสุวรรณ พ.ต.ท.ทวีทรัพย์ ภักดีดินแดน รอง ผกก. วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ สั่งการให้ พ.ต.ต.พัฒน์พงษ์ กี้อมะโน สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. และชุดสืบสวน กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น.
เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด ได้ที่นี่
ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.จารุวัลย์ หงส์รพาพร อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 315/2563 ลงวันที่ 5 มี.ค.63 ข้อหา “จัดหาคนงานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลางหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหงานหรือสามารถหางานหรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้และโดยการหลอกลวงดังวนั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวงโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบ็อนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จโดยประการี่นำจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนและฉ้โกงประชาชน” พร้อมของกลางบัตรเอทีเอ็ม 1 ใบ
สืบเนื่องจาก ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “มะนาว งัย’ จะใครล่ะ” หลอกลวงว่าสามารถพาไปทำงานที่ญี่ปุ่นและเกาหลีได้ เสียค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป เพื่อไปทำงานโรงอิเลกทรอนิกส์ที่ญี่ปุ่น โดยได้เงินชั่วโมงละ 900 เยน คิดเป็นเงินไทยเดือนละ 50,000 – 70,000 บาท มีเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินไปให้หลายราย ก่อนจะนัดวันที่จะให้เดินทางไปต่างประเทศช่วงเดือน พ.ค. แต่จากนั้นก็เงียบหายไม่สามารถติดต่อได้ ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบได้ว่าผู้ต้องหามาพักอยู่ในชอยประชาอุทิศ 82 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กทม. จึงนำกำลังเข้าจับกุมดังกล่าว
จากการสอบสวนทราบว่า น.ส.จารุวัลย์ ได้ก่อเหตุดังกล่าวจริง โดยเปิดเฟซบุ๊กขึ้นมาเพื่อหลอกคนไปทำงานญี่ปุ่น เกาหลี โดยใช้รูปดารามาสร้างความน่าเชื่อถือ จากนั้นก็หลอกให้โอนเงินมา มูลค่าความเสียหายกว่า 2 แสนบาท แต่เชื่อว่าน่าจะมีมากกว่านี้ ส่วนบัญชีการโอนนั้นได้ทำลายหลักฐานไปแล้ว ก่อนหน้านี้เคยถูกจับกุมคดีเล่นการพนันในพื้นที่ สน.ทุ่งครุ ซึ่งชุดสืบสวนอยู่ระหว่างประสานข้อมูลผู้เสียหายที่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด เช่น จ.ลพบุรี จ.ขอนแก่น จ.เชียงราย จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
