วันที่ 25 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าของบ้านวัย 51 ปี ชาวจ.กาฬสินธุ์ กำลังได้รับเดือดร้อนหนักหลังจากพายุพัดเอาไม้พะยูงโค่นล้มทับบ้านได้รับความเสียหายตั้งแต่เดือนเมษายน แต่ไม่กล้าตัดเพราะกลัวโดนจับได้แจ้งไปทุกหน่วยงานแต่ยังไม่มีคำตอบ จึงย้ายออกไปอยู่บ้านลูก เพราะกลัวบ้านจะพังได้รับอันตราย วอนหน่วยงานเข้าช่วยเหลือโดยด่วน

 

โดยผู้สื่อข่าวประจำจ.กาฬสินธุ์ ได้เข้าไปสอบถามนางหนึ่งฤทัย สารภัคดี อายุ 51 ปี ที่บ้านหมู่ 4 ต.หัวงัว อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ผู้เดือดร้อนและได้รับผลกระทบจากกรณีต้นพะยูง ซึ่งเป็นต้นไม้หวงห้ามล้มทับบ้านพังทั้งหลัง กล่าวว่า ด้วยความกลัวผิดกฎหมายจึงไม่กล้ายุ่งกับต้นพะยูงที่ล้มทับบ้าน เบื้องต้นได้เดินทางไปแจ้งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาจัดการแต่ยังเงียบจนถึงขณะนี้เป็นเวลาเกือบ 3 เดือนแล้ว บ้านพังอยากซ่อมก็ไม่ได้มีความเดือดร้อนอย่างหนัก ต้นพะยูงที่อยู่ข้างบ้านยังล้มพาดสายไฟส่งผลให้ไฟฟ้าดับมานานเกือบ 3 เดือนแล้ว ปล่อยทิ้งไว้ในสภาพเดิมตั้งแต่เกิดเหตุเพื่อรอคำตอบจากผู้ใหญ่บ้านแต่ก็ยังไร้วี่แวว ส่วนตัวก็อพยพไปอาศัยอยู่กับลูก ๆ แทน

 

นางหนึ่งฤทัย สารภัคดี บอกว่า ในช่วงเย็นของวันที่ 29 เม.ย. ขณะที่ตน กับสามี และหลานชายวัย 6 ขวบ อยู่ภายในบ้าน มีฝนตกลงมาอย่างหนักและมีลมแรง ทันใดนั้นต้นไม้พะยูงที่อยู่ข้างบ้านต้านแรงลมไม่ไหวได้เกิดโค่นล้มลงมาทับหลังคาบ้านจนได้รับความเสียหายและเกี่ยวสายไฟจนขาด โดยหลังจากพายุสงบก็มีหลายหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบและบอกกับตนว่าอย่าพึ่งตัดไม้ออกไปเพราะเป็นไม้หวงห้ามให้ไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านก่อน จากนั้นตนได้แจ้งผู้ใหญ่บ้านและได้ไปแจ้งธนาคารอาคารสงเคราะห์ซึ่งติดจำนองที่ไว้ ทางธนาคารได้บอกว่าไม่มีสิทธิ์ออกเอกสารให้ได้เนื่องจากเป็นการรับจำนองที่ดินเท่านั้น ผู้ใหญ่บ้านได้บอกว่าได้เข้าไปแจ้งที่ศูนย์ดำรงธรรมแล้วและแจ้งที่ป่าไม้จังหวัดแล้ว แต่ก็ยังไม่มีคำตอบกลับมา จนเวลาผ่านไปเกือบ 3 เดือนตนก็ยังไม่สามารถตัดไม้ออกจากตัวบ้านเพื่อทำการซ่อมแซมได้เพราะกลัวว่าจะถูกจับ

 

 

โดยทางเจ้าหน้าที่จากองค์การบริหารส่วนตำบลหัวงัว ได้นำไม้และสังกะสีมาให้เพื่อซ่อมแซมบ้านแต่ก็ยังไม่สามารถทำได้เพราะยังไม่ได้รับคำตอบใดๆกลับมา หากตัดไปอาจจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ตนจึงได้ย้ายออกไปอยู่บ้านลูกที่อยู่ใกล้ๆกันเพราะกลัวว่าตัวคานบ้านจะรับน้ำหนักไม่ไหวและอาจจะพังลงมาได้ตลอดเวลาจึงหวั่นว่าจะเป็นอันตรายจึงต้องย้ายออกมาก่อน นอกจากนี้ไม้ยังล้มขวางเส้นทางการสัญจรของครอบครัวของตน โดยตนอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือและหาแนวทางที่จะทำการตัดไม้ออกจากตัวบ้านให้ด้วย เพื่อที่จะได้ทำการซ่อมแซมบ้านให้กลับมาอยู่อาศัยได้ตามปกติ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน