วันที่ 26 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ว่านางรัตนา บุญพา อายุ 43 ปี แม่ค้าชาไข่มุก ซึ่งเป็นแม่ถูกคู่กรณีใช้น้ำร้อนเดือดๆ ราดที่ลำตัวจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบริเวณหน้าสนามกีฬากลางนครศรีธรรมราช เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยน.ส.เอ พร้อมนางทิพวัลย์ พุฒแก้ว ลูกจ้างของผู้เสียหาย พามาชี้จุดเกิดเหตุด้วย

น.ส.เอ เล่าว่า วันเกิดเหตุคู่กรณีซึ่งเคยมีเรื่องบาดหมางกับแม่มาก่อน ได้ยกพวกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ใกล้กันมารุมทำร้าย โดยใช้ไม้ตีศีรษะแม่จนแตกและล้มลง ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะคว้าหม้อน้ำร้อนที่ตั้งอยู่บนเตาในร้านอาหารที่อยู่ใกล้กันมาราดใส่ตัวแม่แล้วใช้เท้าเหยียบไปที่ลำคอ พร้อมทั้งข่มขู่ไม่ให้ใครมาช่วยเหลือ หลังจากนั้นชาวบ้านก็ได้นำตัวแม่ไปโรงพยาบาล ก่อนที่จะเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช

โดย น.ส.เอ ยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการสอบสวนแม่ของเธอ แม้ว่าเหตุการณ์จะผ่านมาถึง 13 วันแล้ว ขณะที่สภาพอาการของแม่นั้นอยู่ในขั้นบาดเจ็บสาหัสผิวหนังเปื่อยพุพองจากน้ำร้อนที่ถูกราดใส่ร่างกายมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ แพทย์ต้องให้ยาแก้ปวดผ่านทางเส้นเลือดทุก 3 ชม.และหวั่นวิตกอาการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งได้โทรศัพท์ไปสอบถามตำรวจกลับไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันเดียวกันนี้คู่กรณีของนางรัตนา คือ น.ส.สุวรา โชจรูญเดช อายุ 31 ปี และนางสมศรี โชจรูญเดช อายุ 50 ปี เป็นแม่ลูกกัน ได้เข้าพบกับ ร.ต.อ.อภินันท์ พลศร รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เจ้าของคดีตามหมายเรียก โดยพนักงานสอบสวนไม่อนุญาตให้มีการบันทึกภาพบนสถานีตำรวจอย่างเด็ดขาด และปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าว จากนั้น 2 แม่ลูกก็เข้าไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน

หลังเสร็จสิ้นการสอบปากคำ น.ส.สุวรา ได้เปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยอ้างว่าเป็นการทะเลาะวิวาท และถูกนางรัตนา ด่าอย่างเสียๆ หายๆ และรุนแรงมาก ช่วงนั้นเห็นนางรัตนา ถืออาวุธมีดมาเพื่อจะทำร้ายตน ก่อนจะมีการต่อสู้กันจนชุลมุน และจำอะไรไม่ได้อีกเลย ขณะที่นางสมศรี อ้างว่าได้เข้าให้การช่วยเหลือลูกเนื่องจากเกรงว่าจะถูกแทง ส่วนน้ำร้อนที่ลวกนางรัตนา นั้นแค่เอามืดไปปัดโดยไม่เจตนาที่จะทำร้ายรุนแรง เกิดขึ้นเฉพาะหน้าไม่ได้เตรียมการมาก่อนแต่อย่างใด กระมั่งมาโดนหมายเรียกจาก สภ.เมือง จึงมาให้ปากคำดังกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน