จากกรณีที่มีข่าวลือแพร่สะพัดไปในโลกโซเชียลว่าที่บ้านภูดานกอย ม.6 ต.คำโพน อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ ได้มีสัตว์เลี้ยง ทั้งโค กระบือ เป็ดไก่ล้มตายไปหลายตัว โดยเฉพาะโคที่กำลังตั้งท้องและตกลูกตายไปจำนวน 4 ตัว ทำให้ชาวบ้านต่างพากันผวาและเชื่อว่าเป็นฝีมือของผีปอบ ที่เป็นตัวการทำให้เกิดเช่นนี้ จึงได้ทำพิธีขับไล่ผีปอบ ตามความเชื่อที่มีมาแต่เดิมของผู้เฒ่าผู้แก่ รวมไปถึงที่มีหนังสือที่ อจ 0338/2022 จากนายจักรี ทองเจริญ นายอำเภอปทุมราชวงศา ได้สั่งให้ตำรวจจัดกำลังเจ้าหน้าที่ไปจับผีปอบนั่น

วันที่ 28 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังที่บ้านภูดานกอย ม.6 ต.คำโพน อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึงที่บ้านของผู้ใหญ่บ้านภูดานกอยคือนายบุญมาก ศรีราฤทธิ์ อายุ 46 ปี ซึ่งกำลังนั่งพูดคุยกับ นายจักรี ทองเจริญ นายอำเภอปทุมราชวงศา เกี่ยวกับข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว รวมถึงการเข้ามาตรวจสอบเรื่องของเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับข่าวลือเรื่องผีปอบว่าเป็นจริงหรือไม่ อย่างไร

นายบุญมาก ผู้ใหญ่บ้าน เปิดเผย ว่า เรื่องนี้เป็นความเชื่อของชาวบ้านที่มีมาแต่ผู้เฒ่าผู้แก่เกี่ยวกับเรื่องผีปอบ หลังจากที่มีสัตว์เลี้ยงต่างพากันล้มตายหลายตัวไม่ว่าจะเป็นโค กระบือ หมู เป็ด ไก่ ประกอบก่อนหน้านี้ มีคนที่มีประวัติที่ชาวบ้านลือกันหนาหูว่าเป็นปอบ ไม่มีที่จะไปและได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่หมู่บ้านของตน ชาวบ้านจึงเชื่อว่าบุคคลดังกล่าวเป็นปอบ แต่ก็ไม่ได้เชื่อถึงกับ 100 เปอร์เซนต์ จนกระทั่งมีเรื่องสัตว์เลี้ยงล้มตายหลายตัว ชาวบ้านจึงพากันสงสัยว่าจะเกิดจากผีปอบที่ย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านของตน ตนจึงได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษาผู้เฒ่าผู้แก่ของหมู่บ้าน ซึ่งผู้เฒ่าผู้แก่จึงได้พากันเรียกชาวบ้านมาประชุม เสียงส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าเรื่องดังกล่าวเกิดจากฝีมือของผีปอบอย่างแน่นอน

จึงได้พากันลงขันเพื่อที่จะประกอบพิธีทางพราหมณ์และพุทธ เพื่อขับไล่ผีปอบ แต่ก่อนที่จะทำพิธีตนได้ขอร้องกับชาวบ้านว่า การทำพิธีในครั้งนี้ขอให้มีการชี้ตัวหรือทำเฉพาะเจาะจงกับผู้ที่ถูกคาดว่าจะเป็นปอบ ไม่ให้ทำพิธีที่จะไปกระทบกับจิตใจของบุคคลดังกล่าวหรือลูกหลานแต่อย่างใด ไม่ให้ชี้ว่าบ้านหลังไหนเป็นหรือไม่เป็นปอบ ให้ถือว่ามีความชั่วร้ายเข้ามาในหมู่บ้านก็พอ โดยได้เชิญพระอาจารย์มาทำพิธีดังกล่าว โดยเดินทางทุกซอยทุกหลังในหมู่บ้าน

หลังจากที่ได้มีการทำพิธีเรื่องดังกล่าวก็เงียบหายไป ก่อนทำพิธีช่วงกลางดึกหมาเคยเห่าเคยห่อน พอทำพิธีเสร็จหมาก็ไม่ห่อน ชาวบ้านก็สบายใจขึ้น อย่างแต่ก่อน ครูที่อยู่ในโรงเรียนก่อนทำพิธี ครูก็ไม่กล้านอนที่โรงเรียนเพราะเวลานอนจะเจอกับเรื่องราวแปลกประหลาดเกิดขึ้นแทบทุกคืน หลังทำพิธีเสร็จก็ไม่เกิดเรื่องดังกล่าว ครูก็พากันกลับมานอนที่โรงเรียนตามปกติ ส่วนกรณีที่มีครูป่วยนั่นจริงแล้ว มีครูป่วยแค่ 2 คนเท่านั่น โดยครูคนแรกที่ป่วย มีอาการตัวเย็นและชาไปหมดทั้งตัว พอตนได้พาครูไปหาหมอที่โรงพยาบาลยังไม่ทันตรวจรักษาอาการก็ดีขึ้น และหลังจากที่หมอได้ทำการตรวจก็พบว่าไม่พบโรคหรือป่วยแต่อย่างใด ซึ่งเป็นๆ หายๆ อยู่อย่างนี้ ชาวบ้านก็เลยเชื่อว่าถูกผีปอบเข้า ส่วนครูอีกคนที่ป่วยตอนนี้ก็ได้ตรวจพบแล้วว่า เป็นโรคตับอักเสบ

นายจักรี ทองเจริญ นายอำเภอปทุมราชวงศา ยืนยันว่า หนังสือที่กำลังแพร่สะพัดอยู่ในโลกโซเชียลเป็นของจริง เพียงแต่ว่าลง ปี พ.ศ. ผิดเท่านั่น ในฐานะนายอำเภอหลังจากทราบว่าจะมีการทำพิธีดังกล่าว ตนจึงได้บอกให้ทางปลัดอาวุโสลงมาตรวจสอบในพื้นที่ดังกล่าวว่ามีการทำพิธีจริงหรือไม่ ทางปลัดอาวุโสก็ได้รายงานตนมาว่าได้มีการทำพิธีไล่ผีปอบขึ้นจริง และหลังจากมีการทำพิธีทางตนก็ได้มีหนังสือถึงปศุสัตว์อำเภอ สาธารณสุขอำเภอ ให้เข้ามาตรวจในพื้นที่ และหาสาเหตุการตายที่แท้จริงของสัตว์เลี้ยง และก็ได้มีหนังสือไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจขอความร่วมมือให้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่มาสอดส่องดูแลประชาชน

ส่วนกรณีที่มีข่าวออกไปว่าตนได้สั่งให้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อมาจับผีปอบอย่างที่เป็นข่าวอยู่นั่น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ซึ่งในหนังสือก็บอกเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า เป็นการขอกำลังเพื่อป้องกันรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ตลอดจนเพื่อเป็นการทำนุบำรุงขวัญราษฎรมิให้ตื่นตระหนก กับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ได้สั่งให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่มาการจับผีปอบแต่อย่างใด

ขณะที่นายสิริรัฐ ชุมอุปการ ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ หลังจากทราบข่าวเรื่องดังกล่าว ก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งเรื่องสัตว์ตายและครูตชด.ที่ป่วยพร้อมกันทั้ง 4 คน และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นจุดที่ห่างไกลความเจริญ อีกทั้งยังติดกับชายแดนไทย ลาว ซึ่งสาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงมีความเรื่องภูตผีอยู่มาก และฝากเตือนให้ประชาชนรับข้อมูลข่าวสารอย่างมีสติ เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นความเชื่อส่วนบุคคล อีกทั้งอย่าวิตกกังวล เพราะทางจังหวัดได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว

ล่าสุด นายเทิดเกียรติ ปกิรณะ สัตว์แพทย์ ชำนาญงาน สนง.ปศุสัตว์อำเภอปทุมราชวงศา ยืนยันผลการจากการตรวจสอบวัวที่ท้องแล้วตกลูกตายนั่นเกิดมาจากสาเหตุเกิดจากมดลูกของวัวทะลัก ซึ่งเป็นปกติของวัวทั่วๆไป ที่เมื่อมดลูกทะลักออกมานานแล้วดันกลับคืนในสภาพเดิมไม่ได้ เอายัดกลับเข้าไปข้างในไม่ได้ จึงทำให้วัว หรือควายที่ตั้งท้องอยู่ตาย และวัวที่ตั้งท้องตายนั่นก็มีเพียงแค่ 2 ตัวเท่านั้น ไม่ได้ตายทีเดียวหมดทั้ง 4 ตัว อย่างที่เป็นข่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน