จากกรณี นายสามารถ โพธิประสิทธิ์ อายุ 58 ปี ลูกจ้างชั่วคราว อบต.ท่าคล้อ จ.สระบุรี และ นางอำไพ โพธิประสิทธิ์ อายุ 60 ปี สองสามีภรรยา ร้อง ทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร หลังผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือไหว้วานให้ค้ำประกันซื้อรถกระบะให้ นายภาดา ลิมรุ่งเรือง แต่กลับขาดส่ง กระทั่งคนค้ำถูกยึดบ้านขายทอดตลาด ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น อ่านข่าว สุดช้ำ! ค้ำซื้อรถให้คนไม่รู้จัก สุดท้ายบ้านถูกยึด ร้องทนายช่วย โทรเคลียร์เจ้าตัวอึ้ง

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

วันที่ 23 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปบ้านเลขที่ 32 หมู่ 4 ต.ท่าคล้อ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ของนายสามารถและนางอำไพ ซึ่งเป็นบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้สูง 2 ชั้น พื้นที่ 96 ตารางวา โดย นางอำไพ เปิดเผยว่า ตนจะไม่ออกจากบ้านหลังนี้ เพราะว่าเป็นบ้านที่ทำมาด้วยชีวิต ทำมาตลอดชีวิตที่สร้างมา ตกลงกับสามีไว้ว่าลูกจะไปไหนก็ช่าง แต่พ่อกับแม่จะตายอยู่ที่นี่ ไม่ออกไปไหนเด็ดขาด บ้านหลังนี้ก็เพื่ออนาคตของลูกของหลานจะมาสูญเสียไปอย่างนี้เราจะมาอยู่เพื่ออะไร ไปไหนก็ไม่มีที่ไปแล้ว ขอตายอยู่ในบ้านนี้ ถ้ามีหมายมาให้ออกอย่างไงก็ช่าง ตกลงกันแล้วจะไม่ยอมออกเด็ดขาด ยอมตายอยู่นี่

ขณะที่ นายมาก นพเคราะห์ อายุ 84 ปี ผู้ที่ขอให้ นายสามารถ ช่วยค้ำประกันรถให้ นายภาดา นั้น ได้นั่งรถโยกเข้ามาบ้าน นางอำไพ พร้อมเปิดเผยว่า ประมาณปี 55 นายภาดา ทำพรมเช็ดเท้ากับภรรยาส่งขายด้วยกัน ตนเห็น นายภาดา เป็นคนดี จึงหลงเชื่อคารมให้มาอยู่ด้วย หวังเอาจะไว้ฝากผีฝากไข้ อยากได้อะไรจะทำอะไร นายภาดา จะทำให้ทุกอย่าง แม้ตอนตนนอน นายภาดา ก็มาดูแลเป็นห่วง จึงเกิดเป็นความรักความสงสารเหมือนลูกหลานคนหนึ่ง ต่อมา นายภาดา บอกว่าทำงานอย่างนี้ต้องมีรถอยากได้รถกระบะมือสองเพื่อมาขนส่งพรมเช็ดเท้า แต่ต้องมีคนค้ำ ตนจึงไปขอร้องให้ นายสามารถ และนางอำไพ คนรู้จักนับถือกันช่วยค้ำรถให้

ต่อมา นายภาดา มาขอยืมเงินตน ครั้งละ 50,000 บาท บ้าง เป็นหมื่นๆ บาทบ้าง จากนั้นก็อ้างส่งรถไม่ไหวจนถูกยึด นายธาดา จึงมาขอยืมเงิน 80,000 บาท บอกจะไปไถ่รถมาใช้ แล้วจะใช้คืนให้ หลังจากนั้นก็ไปเอารถออกมา แต่จนบัดนี้เงินที่ยืมไป นายภาดา ไม่เคยใช้คืน รวมๆ แล้วประมาณ 300,000 บาท

ซึ่งช่วงแรกๆ ก่อนที่ นายภาดา จะหลบหนีไป ก็ได้ให้ภรรยาออกจากบ้านไปก่อน ประมาณอีกเดือนกว่าๆ นายภาดา ก็หนีตามไปพร้อมกับรถกระบะที่อ้างว่าถูกยึด กระทั่งตนมารู้ว่าตลอดเวลาที่ นายภาดา ทำดีกับตน เพราะหวังประโยชน์ และ นายภาดา บอกกับตนว่า ไม่ไต้องไปตามรถ จะเอารถออกนอกประเทศ ไปประเทศกัมพูชา แล้วก็จากไป ทำให้ตนทำอะไรไม่ถูก ทุกวันนี้โทรไปก็ไม่รับสาย

หลังจากนั้นตนก็มาทราบว่า นายภาดา ได้ย้ายออกจากทะเบียนบ้านตน คาดว่าย้ายแบบปลายทาง ไปอยู่ที่บ้านจัดสรร ย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งก็เสียใจไม่รู้จะทำอย่างไร ทุกวันนี้อยู่ตัวคนเดียว ได้เงินชราประทังชีวิต รวมทั้งตนยังเป็นโรคความดันสูง ไตวาย ไขมันในเส้นเลือด เดินไม่ค่อยไหว ต้องขี่รถโยกช่วยตัวเอง จะหุงข้าว เข้าห้องน้ำก็ต้องใช้รถวีลแชร์ ถ้าออกนอกบ้านก็ใช้รถโยก ลูกๆ ทั้งชายหญิงก็แยกย้ายทำมาหากิน ลูกเคยเตือนมาก่อนแล้ว ขณะนั้นหลง นายธาดา ไม่เชื่อลูกๆ ส่วนภรรยาเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2540

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน