จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ปรเมษฐ์ เหมังค์ เผยแพร่เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับคุณยายสี ภาษาเวช อายุ 89 ปี ที่ต้องดูแล นายเลิศ เทียมจันทร์ อายุ 83 ปี สามีที่ตาบอด โดยทุกๆ เช้ายายสีต้องเดินจากบ้านหลายก.ม. เพื่อไปขอทานหาเงินซื้อข้าวประทังชีวิตของ 2 ตา-ยาย ล่าสุดยายสี กำลังจะออกไปขอทานตามปกติ แต่เกิดเกิดพลัดตกคลองจนเจ็บขาและเกิดอาการหนาวสั่น ทำให้ไปไหนไม่ได้ กระทั่งมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยเหลือพาไปส่งโรงพยาบาล จากนั้นยายสีก็มีอาการบาดเจ็บเรื่อยมา ทำให้บางวันออกไปขอทานไม่ได้ ต้องอดมื้อกินมื้อ อยู่ในบ้านที่ทรุดโทรมกันเพียง 2 คน ภายในหมู่บ้านกุดบง ต.บ้านเดื่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย

อ่านข่าว วอนช่วยคุณยายวัย89เดินหลายกิโลไปขอทาน หาเงินดูแลคุณตาตาบอดในเพิงไม้ใกล้พัง

หลังเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ล่าสุดวันที่ 25 ก.ค. นายชาญวิทย์ ปุณยานันต์ นายกสมาคมหนองคายการกุศลกู้ภัยประจักษ์ พร้อมสมาชิกสมาคม จึงได้นำเงินบริจาคจำนวน 166,554 บาท มามอบให้สองตายาย พร้อมทั้งปิดบัญชีรับบริจาคแล้ว โดยมีนายสังวาล ขอนยาง รองนายก อบต.บ้านเดื่อ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่กู้ภัยประจักษ์ หารือในการบริหารจัดการเงินก้อนนี้ร่วมกันและมีมติจะให้ท้องถิ่นจัดสรรเงินให้สองตายายได้ใช้จ่ายเดือนละ 3,000-4,500 บาท ตามสมควร

ยายสี เล่าว่า ตนรู้จักกับ ตาเลิศ เมื่อ 3 ปี ก่อน และได้มาอยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยา โดยตนเคยมีญาติอยู่ในตัวเมืองหนองคายแต่ตายหมดแล้ว ก่อนหน้านี้มีอาชีพขอทาน มักจะตระเวนขอเงิน ขออาหารจากชาวบ้านมาเลี้ยงดูตาเลิศ ที่ตาบอดทั้งสองข้าง นอกจากนี้ตนยังป่วยเป็นโรคเก๊าต์ หูตาฝ้าฟาง วันหนึ่งเดินไปขอทานแล้วหกล้ม กู้ภัยมาช่วยปฐมพยาบาลและพามาส่งบ้าน ต่อมาก็มีหลายคนมาช่วยเหลือ

ขณะที่ตาเลิศ กล่าวเสริมว่า ตนเคยทำงานโรงอิฐ และไปทำงานที่ภาคใต้ ถูกสารเคมีจากการทำไร่ทำให้ตาบอดทั้งสองข้าง จึงเดินทางกลับมาอยู่ที่โรงอิฐ ทุกวันนี้มีหลานชายซึ่งทำงานอยู่ที่โรงอิฐด้วยเป็นคนคอยดูแล ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกนานเท่าใด และรู้สึกซาบซึ้งที่มีหลายคนนำสิ่งของมาให้

นายชาญวิทย์ กล่าวว่า เมื่อ 2 วันก่อน เจ้าหน้าที่กู้ภัยประจักษ์จุดท่าบ่อ ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือว่ามียายหกล้มได้รับบาดเจ็บอยู่ริมถนน จึงออกไปช่วยปฐมพยาบาลและพาตัวมาส่งบ้านจนได้ทราบความเดือดร้อนและถ่ายภาพนำไปเผยแพร่ในโซเชียลและมีการช่วยเหลือมากมายตามมา และในครั้งนี้ก็ได้นำข้าวสารอาหารแห้งมามอบเพิ่มเติมให้ด้วย

ด้านนายวินัย พิลาเทพ นักสังคมสงเคราะห์ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.หนองคาย กล่าวว่า วันนี้ได้มาเก็บข้อมูล ก็พบว่าทั้งสองตายายไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน เป็นคนไม่มีหลักฐานทางการที่ชัดเจน แต่ก็ได้รับการสงเคราะห์จากท้องถิ่น และพัฒนาสังคมฯ เป็นประจำ ไม่ใช่ว่าเป็นบุคคลถูกทอดทิ้ง ซึ่งรูปแบบการช่วยเหลือก็มีทั้งการให้เงิน อาหาร และการดูแลปฐมพยาบาล

ขณะที่นางบุญพุทธ โพธิเสน เจ้าของที่ดินที่ทั้ง 2 ตายายอาศัยอยู่ กล่าวเพิ่มเติมว่า ยายสี ก่อนหน้าที่จะมาอยู่กับตาเลิศนั้น เคยขอทานอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ในจังหวัดหนองคาย พอแก่แล้วเดินทางไม่สะดวก รถโดยสารประจำทางก็ไม่ให้ขึ้น ยายสีจึงต้องหาขอทานตามพื้นที่ อ.ท่าบ่อ ซึ่งหน่วยงานรัฐก็เห็นว่าอายุมากแล้วไม่อยากให้ไปขอทาน ก็เลยให้อยู่กับที่ ไม่ให้ไปขอทานอีก และมีการหาเงินมาช่วยเหลือ ส่วนตาเลิศนั้นเคยทำงานที่โรงอิฐกับตนเอง พอแก่ตัวลงและตาบอด ตนก็สงสารจึงให้สร้างเพิงพักอาศัย ส่วนหลานชายก็ให้ทำงานด้วยกัน ดีใจที่มีหลายคนมาช่วยเหลือสองตายายให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเช่นนี้

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน