แม่ช้ำ วอนตำรวจ-หน่วยงานรัฐ เข้าช่วยจับลูกชาย หลังตกเป็นทาสยานรก คลุ้มคลั่งอาละวาด ทำร้ายร่างกายแม่มานานกว่า 10 ปี ซ้ำไล่แม่ออกจากบ้าน หวาดผวากันทั้งหมู่บ้าน

เมื่อเวลา 16.40 น. วันที่ 12 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากนางบุญราย จันบุญแก้ว อายุ 46 ปี อาศัยอยู่ในพื้นที่หมู่ 5 บ้านด่าน ต.น้ำผุด อ.เมืองตรัง ว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง เข้ามาจับตัวลูกชายคือนายกิตติชัย ชัยเพชร อายุ 27 ปี นำไปรักษาบำบัด หรือดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะสุดทนกับพฤติกรรมเสพยาเสพติด ทั้งยาบ้า กัญชา และดื่มเหล้าขาว จนมีอาการคลุ้มคลั่งและอาละวาดทำร้ายแม่ ญาติพี่น้อง รวมทั้งชาวบ้านในหมู่บ้านมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปี

โดยที่ทางตำรวจและผู้นำทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ยังคงนิ่งเฉยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ทุกคนที่อยู่ใกล้ชิด และชาวบ้านญาติพี่น้องที่อยู่ในละแวกดังกล่าว ต้องอยู่กันอย่างหวาดกลัว เพราะส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงล้วน

ด้าน น.ส.อุรารัตน์ พรมลี อายุ 38 ปี หลานสะใภ้นางบุญราย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 ส.ค. แม่บุญรายโทรมาบอกว่า นายกิตติชัยทำร้ายร่างกายแม่และยาย อยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง ซึ่งแทบจะทุกวัน ล่าสุดเนื่องมาขอเงินไปซื้อยาเสพติด แต่แม่และยายไม่มีจะให้ นายกิตติชัยจึงใช้มีดที่พกติดตัวข่มขู่ ที่บ้านก็มีแต่ผู้หญิงและเด็กอาศัยอยู่ ตนจึงให้ทุกคนแอบอยู่บ้านพี่สาวที่อยู่ใกล้กันก่อน เพราะตนอยู่นอกพื้นที่ แต่ทางผู้ก่อเหตุยังตามมาเอาเรื่องอยู่ตลอด

น.ส.อุรารัตน์ กล่าวอีกว่า ผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง ทำให้รู้สึกไม่ไหวกับพฤติกรรมดังกล่าว แต่ไม่ได้รังเกียจและยังคงรักเสมอ เพราะรักจึงอยากสอน แต่ก็สอนไม่ได้ เราจึงต้องหนี แม้กระทั่งแม่ ตนก็ไม่รู้จะต้องทำยังไง แม่ก็เป็นเพียงผู้หญิงแก่ๆ คนหนึ่ง บางครั้งก็แจ้งไปยังผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และตำรวจ แต่เขาคงน่าจะเบื่อไปแล้ว เพราะเป็นเช่นนี้มานานกว่า 10 ปี จึงไม่เข้ามาและไม่สามารถจัดการอะไรได้

“ที่ผ่านมาเคยใช้มีดพร้าฟันและแทงผู้เป็นตาจนบาดเจ็บ และยังคงใช้มีดฟันน้องสาวแท้ๆ จนบาดเจ็บเช่นกัน ซึ่งทุกครั้งแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แต่เจ้าหน้าที่เข้ามา ก็แค่บอกว่าไม่มีหลักฐานไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ หรือต้องรอให้มีคนตายขึ้นมาก่อนถึงจะมีหลักฐาน ทุกวันต้องอยู่กันอย่างหวาดผวา คอยจ้องมองว่าเขาจะมาตอนไหน อยากให้นำตัวไปรักษา ไม่ได้อยากให้เขาถูกจับขัง แต่อยากให้รักษาจนกว่าจะหาย แล้วสามารถกลับมาอยู่บ้านได้ตามปกติ” น.ส.อุรารัตน์ กล่าว

น.ส.อุรารัตน์ ชี้ให้ดูรอยมีดที่ฝาบ้าน

ขณะที่นางบุญราย ผู้เป็นแม่ เล่าด้วยน้ำตาคลอว่า ตนมีลูกทั้งหมด 3 คน ตอนนี้รู้สึกหวาดระแวงและกลัวกับสิ่งที่ลูกชายกระทำ แต่ก็ต้องทนอยู่ไป ที่ผ่านมาลูกชายมีพฤติกรรมชอบใช้มีดฟันบริเวณฝาบ้านเต็มไปหมด ครั้งแรกที่ติดยา มีเพื่อนของลูกนำมาให้เสพ ตนเคยพาไปบำบัด แพทย์ให้ยามากิน แต่ลูกก็นำไปทิ้งหมด

บ้านที่เคยอยู่กับลูกชาย

นางบุญราย กล่าวต่อว่า เมื่อก่อนตนอาศัยอยู่กับลูกที่บ้านปูนอีกหลัง ซึ่งเป็นบ้านของตน กระทั่งเมื่อประมาณ 5-6 ปี ที่ผ่านมา ตนถูกลูกชายไล่ออกมาจากบ้าน ทำให้ตนต้องมาอยู่บ้านแม่ ซึ่งเป็นบ้านไม้เก่าๆ ที่อยู่ติดกัน ที่ผ่านมาตนถูกทำร้ายจนนับครั้งไม่ได้ เคยเตะตนและใช้ขวดแก้วฟาดใส่ตนจนเลือดออก แถมใช้ไม้หน้าสามตีที่แข้งของตน ไม่สามารถเดินได้อยู่หลายวัน และนอนรักษาตัวอยู่พักหนึ่ง

นางบุญราย กล่าวอีกว่า เวลานั่งอยู่บางครั้งก็ใช้มือผลักหัวตนจนล้มลง แต่ก็ต้องทนมาตลอด ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำตัวไปรักษา ไม่อยากให้อยู่ที่บ้าน เพราะไม่สบายใจกับสิ่งที่เขากระทำ ตนรู้สึกเป็นห่วงลูก ก็ยังรักลูก แต่ไม่รู้ทำไมลูกถึงเป็นแบบนี้ เกิดมาก็สอนให้เป็นคนดี แต่เขาไม่ดีจะให้ทำอย่างไร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน