เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 23 ส.ค. สภ.แม่สอด จ.ตาก รับแจ้งเหตุรถบรรทุกน้ำของทางราชการแหกโค้งพลิกคว่ำ โดยเหตุเกิดที่โค้งหักศอก บนถนนใกล้กับโรงเรียนบ้านห้วยกะโหลก ม.4 ต.แม่ปะ อ.แม่สอด หลังรับแจ้งเหตุจึงพร้อมฝ่ายปกครองอำเภอแม่สอด และหน่วยกู้ชีพตำบลแม่ปะ ต้องรีบเดินทางไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นย่านใจกลางชุมชนมีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่น โดยบริเวณทางโค้งหักศอกนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง พบรถหกล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีเหลือง ทะเบียน 95-3823 กรุงเทพฯ ติดตราหน่วยงานราชการ ที่ด้านหลังรถบรรทุกถังน้ำกว่า 6,000 ลิตร สภาพรถพุ่งชนทะลุรั้วบ้านพักอาศัยของประชาชนจนรั้วบ้านและทรัพย์สินเสียหายยับเยิน ส่วนสภาพรถคันนี้ก็มีสภาพพลิกคว่ำ ภายในรถพบนายอมร มีคง อายุ 30 ปี พนักงานขับรถคันเกิดเหตุ นอนหมดสภาพอยู่ภายในรถ ชาวบ้านต้องช่วยกันนำตัวออกมาจากซากรถเพื่อปฐมพยาบาลเนื่องจากบาดเจ็บเล็กน้อยและมีอาการมึนงง ทั้งนี้ ชาวบ้านได้จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ ถึงสาเหตุในการเกิดอุบัติเหตุในโค้งมรณะในครั้งนี้

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายอมรกำลังขับรถบรรทุกน้ำไปส่งที่ก่อสร้างทางที่อยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ ถึงที่เกิดเหตุมีปริมาณน้ำที่เหลือเพียงครึ่งถัง พอจังหวะรถขับเข้าโค้งด้วยความเร็ว ได้เกิดอาการเหวี่ยง จนแหกโค้งพลิกคว่ำพุ่งทะลุเข้าชนรั้วบ้านของประชาชนสองข้างทาง แต่โชคดีที่นายอมรได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย

ด้าน นายกิตติ บุญสว่าง อายุ 32 ปี เจ้าของบ้านเกิดเหตุ ที่เปิดเป็นร้านซ่อมรถ ที่ตั้งอยู่แนวทางโค้ง กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุตนพร้อมช่างรวม 3 คน และลูกค้าที่มาใช้บริการอยู่เต็มร้านซ่อมรถ และจังหวะที่ตนกำลังนั่งซ่อมรถจักรยานยนต์อยู่หน้าร้าน เห็นรถบรรทุกน้ำขับเข้ามาทางโค้งแล้วเกิดเสียการควบคุม ตะแคงพลิกคว่ำพุ่งเข้ามาชนรั้วบ้านของตน ทำให้คนที่อยู่ในร้านต่างรีบวิ่งหนีตายแบบไม่คิดชีวิต เพื่อหลบรถบรรทุกที่กำลังพุ่งเข้ามา แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

“แต่ทุกคนก็อยู่ในอาการขวัญผวาแบบสุด ๆ และอุบัติเหตุในลักษณะนี้ก็เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง จนทางราชการต้องนำป้ายสัญญาณมาติดเป็นเขตควบคุมความเร็ว และติดป้ายเตือนลดความเร็วเป็นจุดอันตราย แต่อุบัติเหตุในจุดนี้ก็ยังไม่ลดลง จนชาวบ้านเรียกโค้งนี้ว่า “โค้งทะลุ” เนื่องจากทุกครั้งที่รถแหกโค้งนี้ก็จะพุ่งชนทะลุรั้วบ้านคนทุกครั้ง จนชาวบ้านในพื้นที่นี้ต่างชินกับการซ่อมรั้วบ้านอยู่เป็นประจำ” นายกิตติ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน