เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังวัดสระแก้ว ม.3 ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เพื่อตรวจสอบกรณีที่ชาวบ้านฮือฮาเกี่ยวกับการอันเชิญผ้ายันต์ขึ้นหลังคาโบส์ถกันฝนตก เพื่อไม่ให้ตกลงมาระหว่างการบูรณะพระอุโบสถของวัด ที่ต้องรื้อหลังคาออกทั้งหมด จึงทำให้เกิดกระแสฮือฮาถึงความศักดิ์สิทธิ์ของผ้ายันต์ที่สามารถห้ามฝนไม่ให้ตกร่วมสองเดือนแล้ว ทั้งๆที่เป็นฤดูฝนและช่วงมรสุมแต่ฝนกลับไปตกในพื้นที่ของวัดและในหมู่บ้านข้างวัด แต่หมู่บ้านใกล้เคียงถึงกับน้ำท่วม สร้างความอัศจรรย์ให้กับชาวบ้านและผู้ที่ทราบเรื่องเป็นอย่างมาก

เมื่อเดินทางไปถึงบริเวณวัดสระแก้ว ภายในวัดพบกับช่างกำลังบูรณะพระอุโบสถกันอยู่ มีการรื้อหลังคาโบส์ถออก สังเกตุบนหลังคาโบส์ถ พบเสาไม้ไผ่ที่มีผ้ายันต์ผืนใหญ่ สีขาวและสีแดงถูกมัดติดอยู่บนเสาไม้ไผ่ พัดโบกสะบัดอยู่บนหลังคาโบส์ถ

จากการสอบถามนายอนันตโชค ปทุมเจริญ อายุ 37 ปี ช่างผู้รับเหมาบูรณะพระอุโบสถ วัดสระแก้ว เกี่ยวกับผ้ายันต์กันฝนตก เปิดเผยถึงสาเหตุของการนำผ้ายันต์ขึ้นไปติด ว่า สำหรับผ้ายันต์ผืนดังกล่าว เป็นผ้ายันต์ พัดโบก ของหลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า ต.วังหว้า อ.แกลง ระยอง เกจิชื่อดังของภาคตะวันออก ที่สร้างขึ้นเพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย และกันฝนตก กันมรสุม จนมีประสบการณ์เกี่ยวกับการไล่ฝนไม่ให้ตก และมีการนำไปใช้กันฝนตกในงานพิธีกลางแจ้ง ต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ฝนตกระหว่างจัดงาน และได้ผลมาทุกงานจากชื่อผ้ายันต์พัดโบก ก็ถูกขนานนามว่าผ้ายันต์กันฝน

ส่วนกรณีที่ต้องนำผ้ายันต์มาติดในการบูรณะพระอุโบสถครั้งนี้ เนื่องจากต้องเริ่มงานในฤดูฝน และจำเป็นต้องรื้อหลังคาโบส์ถออก เกรงว่าหากฝนตกลงมาภายในพระอุโบสถเสียหายหมดแน่ จึงมีผู้ใหญ่ที่นับถือแนะนำและให้ผ้ายันต์ผืนนี้มา เมื่อได้มาก็อัญเชิญผ้ายันต์พัดโบกผืนนี้ขึ้นไปบนหลังคาโบส์ถ เพียงจุดธูปและระลึกถึงหลวงปู่คร่ำและขอให้ช่วยพัดไล่ให้ฝนไปตกที่อื่นจนกว่าจะซ่อมหลังคาโบส์ถเสร็จเรียบร้อย จึงเริ่มลงมืบูรณะตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ฝนก็ไม่เคยตกหนักเลย บางวันฟ้าตั้งเค้ามืดไปด้วยกลุ่มเมฆแต่กลับไปตกในพื้นที่รอบๆวัดแทน บางพื้นที่ห่างจากวัดเพียงไม่ถึง5กม.ฝนตกหนักจนน้ำท่วม แต่ที่วัดไม่มีฝนตกลงมาเลย จึงเชื่อว่าเกิดจากความศักดิ์สิทธิ์ของผ้ายันต์พัดโบก หลวงปู่คร่ำผืนนี้ เพราะเหลือเชื่อมาก กับการห้ามฝนได้ในช่วงมรสุม จนชาวบ้านต่างทึ่งและเชื่อในอภินิหารความศักดิ์สิทธิ์ของผ้ายันต์

ด้าน พระสมนึก สุธรรโณ พระลูกวัดสระแก้ว กล่าวว่า นับเป็นปาฏิหาริย์ เพราะเห็นกับตาว่าฝนกับถูกพัดไปตกในพื้นที่รอบวัด ทั้งที่กลุ่มฝนกำลังตกไล่มาด้านเหนือของวัด แต่จู่ๆก็ต้องแปลกใจเพราะกลุ่มฝนกับถูกลมพัดเบนทิศทางหลบอ้อมพื้นที่วัดไปตกทางด้านข้างวัด เป็นภาพที่เห็นเป็นประจำทุกครั้งที่ฝนตก และที่แปลกคือในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาในพื้นที่ตั้งของวัดมักจะมีฝนตกหนักลงมาอย่างหนักเป็นช่วงปกติของฤดูฝนและน้ำจะท่วมขังทุกปี แต่ปีนี้ตั้งแต่เชิญผ้ายันต์ขึ้น ฝนก็ไม่เคยตกลงมาเลย จนทำให้ชาวบ้านต่างก็กล่าวถึงความศักดิ์สิทธิ์ของผ้ายันต์ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีเพราะหากฝนตกลงมาภายในโบส์ถจะเสียหายทั้งหมด ไม่ว่าภาพวาดและพระพุทธรูป จึงนับเป็นปาฏิหาริย์ที่เห็นได้พิสูจน์ได้ เพราะชาวบ้านต่างก็รับรู้กันทั่ว

ด้าน นางสำลี สายโสภา อายุ63ปี แม่ค้าที่ขายของอยู่หน้าวัด ก็ยืนยันว่า เป็นเรื่องจริงกับผ้ายันต์ห้ามฝน เพราะตนเองขายของทุกวัน ปรากฎว่าฝนไม่ตกมาร่วมสองเดือนแล้ว และก็เชื่อว่าเกิดจากความศักดิ์สิทธิ์ของผ้ายันต์ที่ติดบนหลังคาโบส์ถ เพราะทุกปีในช่วงนี้ฝนจะตกลงมาอย่างหนักจนน้ำท่วมในหมู่บ้านเกือบทุกปี

ต่อมาขณะที่ช่างกำลังทำงานอยู่ปรากฎว่ามีเมฆดำทมึนอยู่บนฟ้าเหนือพื้นที่วัด แสดงว่าฝนกำลั งจะตกลงมาอย่างหนัก แต่ปรากฎว่าฝนก็ไม่ตกกลุ่มเมฆได้สลายไป แต่ปรากฎว่าห่างไปประมาณ 3กม.รอบๆวัด กลับมีฝนตกลงมาอย่างหนัก

สำหรับผ้ายันต์พัดโบก เป็นผ้ายันต์ กว้าง 32×37 นิ้ว ผ้ายันต์ผืนใหญ่มาก มีสีขาวและสีแดง พร้อมอักขระยันต์เต็มผืนผ้ายันต์ สร้างและปลุกเสกโดยหลวงปู่คร่ำ ยโสธโร วัดวังหว้า เมื่อปี พ.ศ.2537 ซึ่งเป็นยุคสุดท้ายของหลวงปู่คร่ำ โดยมีชื่อว่า “ผ้ายันต์มหานิยม (พัดโบก)” สร้างเพื่อใช้ปัดเป่าเสนียดจัญไร สิ่งชั่วร้ายต่างๆ และ ยังพัดไล่ฝน กันฟ้าผ่า สืบเนื่องจาก จ.ระยองมีมรสุมเข้าบ่อยในช่วงฤดูฝน จนชาวบ้านไม่สามารถออกไปทำมาหากินได้ จึงมีการนำไปใช้กันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นงานบวช งานบุญ ที่จัดในช่วงฤดูฝน ก็ได้ผลจนกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวระยองจะรู้จักกันถ้วนทั่ว กับ อภินิหารกันฟ้ากันฝนได้ และ ยังนิยมใช้ในการค้าขายเชื่อว่าเรียกลูกค้าได้.ปัจจุบันหายากมาก เพราะผู้ครอบครองต่างก็หวงแหนกันมากในปัจจุบัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน