ชาวบ้านร้องประธานรัฐสภา ถูกขับไล่ออกจากพื้นที่ แถมถูกดำเนินคดีบุกรุก อ้างถูกออก นสล. ทับที่อยู่อาศัยเดิม

เมื่อวันที่ 21 ก.ย. นายราเมศ รัตนเชวง เลขานุการประธานรัฐสภา ลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมทั้งหารือร่วมกับจังหวัดเพชรบูรณ์ รวมทั้งตัวแทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาในกรณีชาวบ้านในพื้นที่ ต.ป่าเลา และต.นางั่ว อ.เมืองเพชรบูรณ์ จำนวน 26 ราย ถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกที่ดิน นสล. (หนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง) เลขที่ พช.159

ซึ่งศาลได้ตัดสินให้ออกจากพื้นที่ แต่ชาวบ้านทั้ง 26 ราย ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจากประธานรัฐสภา โดยอ้างว่าการประกาศที่ดิน นสล.เลขที่ พช.159 นั้นได้ออกทับพื้นที่ของชาวบ้านที่อาศัยอยู่เดิม และการออกหนังสือ นสล.ดังกล่าวเป็นการออกโดยไม่ตรงตามความเป็นจริง และนอกจากนั้นชาวบ้านยังขอให้มีการชะลอการบังคับคดีตามคำพิพากษา จนกว่าจะมีการพิสูจน์และมีข้อสรุปที่ชัดเจน

นายยุพราช บัวอินทร์ ตัวแทนของชาวบ้าน เปิดเผยว่า เดิมที่ดินสาธารณประโยชน์โคกตาด ต.ป่าเลา อ.เมืองเพชรบูรณ์มีพื้นที่ประมาณ 10,000 ไร่ ต่อมาได้มีการกำหนดแนวเขตที่ทำกินในพื้นที่สาธารณโคกตาดให้กับราษฎร ตามหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) เนื้อที่จำนวน 1,977 ไร่ 2 งาน 8 ตารางวา แต่ปรากฏว่า การออกหนังสือดังกล่าวไม่ได้อยู่ในพื้นที่สาธารณประโยชน์ 10,000 ไร่ แต่กลับไปทับที่ดินที่ชาวบ้านได้ครอบครองและทำมาหากินมานานแล้ว

นายยุพราช กล่าวอีกว่า ต่อมาทางจังหวัดได้สั่งดำเนินคดีกับชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวในข้อหาบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ และศาลได้มีคำสั่งให้ออกจากพื้นที่และบางรายก็ถูกจำคุก จึงทำหนังสือร้องถึงประธานรัฐสภาเพื่อขอความเป็นธรรม

นายยุพราช กล่าวต่อว่า สำหรับการประชุมหารือในวันนี้ได้ข้อสรุปว่าจะมีการตรวจสอบพื้นที่สาธารณประโยชน์ 10,000 ไร่ใหม่ และตรวจสอบพื้นที่นสล.เลขที่ พช.159 เนื้อที่จำนวน 1,977 ไร่ 2 งาน 8 ตารางวา ใหม่เช่นกัน รวมทั้งเตรียมที่จะตั้งคณะกรรมการจากทุก ๆ ภาคส่วนเช่นตัวแทนจากกรมแผนที่ทหาร ตัวแทนจากชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ตัวแทนจากกรมที่ดิน เป็นต้น เพื่อตรวจสอบและติดตามในเรื่องดังกล่าว

ด้านนายราเมศ รัตนเชวง เลขานุการประธานรัฐสภา กล่าวว่าจากนี้จะรายงานผลการลงพื้นที่ให้ท่านชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาทราบ รวมทั้งจะมีการติดต่อหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาดังกล่าว พร้อมทั้งหาทางออกให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งมีอยู่ 2 กรณีคือทำหนังสือแจ้งมายังผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ในเรื่องของการขอให้จังหวัดทำหนังสือชะลอการบังคับคดีที่จะให้ประชาชนออกจากพื้นที่ เพราะพื้นที่ดังกล่าวยังมีความสับสน ความคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง และนอกจากนั้นจะมีการรังวัดพื้นที่สาธารณประโยชน์โคกตาดใหม่ รวมทั้งที่ดินแปลง นสล.159 เนื้อที่ 1,977 ไร่ ว่าอยู่นอกหรือในพื้นที่สาธารณประโยชน์ 10,000 ไร่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน