เมื่อวันที่ 14 ก.ย. จากกรณีเกิดไฟไหม้โรงงานอัดเม็ดพลาสติกและนำเข้าเฟอร์นิเจอร์พลาสติก เอสวีจี เลขที่ 68/2 ซ.บรมราชชนนี 64 แขวงศาลาธรรมสพจน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 02.30 น.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการควบคุมเพลิงนานกว่า 1 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบ

ด้าน นายชยปกรณ์ ชูศรี อายุ 23 ปี ลูกชายของน.ส.วิภาวดี เกศริน อายุประมาณ 30 ปี เจ้าของโรงงานดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนเป็นลูกชายของเจ้าของโรงงาน ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนและนายเกรียงไกร มีอินถา อายุ 36 ปี พนักงานโรงงาน พักอยู่บ้านเลขที่ 68/3 ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงงาน ได้ยินเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้น 2 ครั้ง จึงวิ่งออกมาดูที่โรงงาน ปรากฎว่ามีเปลวเพลิงบริเวณหน้าโรงงาน ตนกับนายเกรียงไกรจึงพยายามดับไฟ แต่เปลวเพลิงรุกรามรวดเร็ว จึงได้แจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือดังกล่าว

ด้าน นายเกรียงไกร กล่าวว่า ตนเป็นพนักงานอยู่ในโรงงานดังกล่าว โดยโรงงานจะเปิดทุกวัน 8.00-17.00 น. แต่ไม่มีการผลิตหรือเดินเครื่องจักรมานานแล้ว สาเหตุมาจากโรงงานถูกสั่งปิด หลังมีชาวบ้านร้องเรียนว่า เครื่องจักรส่งเสียงดังและมีกลิ่นเหม็น ต่อมาทางเขตทวีวัฒนาได้สั่งปิดตั้งแต่เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ยังคงมีพนักงาน 5 คน มาแพ็คถัง-กะละมังพลาสติก เหมือนรับมาขายไป และไม่เชื่อว่าเกิดจากไฟฟ้ารัดวงจร สาเหตุน่าจะมาจากโดนวางเพลิง เพราะออกมาจากบ้านเพื่อจะมาดับเพลิง สังเกตุเห็นเก้าอี้พลาสติก 2 ตัว มาวางอยู่ด้านหน้าโรงงานซึ่งคาดว่าคนร้ายจะเอาเก้าอี้จากในบ้านมา และปีนขึ้นเก้าอี้ ก่อนนำสิ่งของขวางเข้าไปภายใน ทำให้เกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้

นายเกรียงไกร กล่าวต่อว่า เมื่อประมาณ 1 ปีที่แล้ว ขณะที่กิจการเป็นไปได้ด้วยดี ทางโรงงานได้รับผู้จัดการมาคนหนึ่ง หลังจากมาทำงานได้ไม่ได้ก็ก่อเหตุขโมยเครื่องจักรและอุปกรณ์การผลิต รวมถึงหลอกเจ้าของโรงงานกู้เงินนอกระบบมาปรับปรุงโรงงานหลาย 10 ล้านบาท ก่อนหลบหนีไปพร้อมรถฟอร์จูนเนอร์ที่เจ้าของโรงงานซื้อให้ โดยเจ้าของโรงงานไม่ได้แจ้งความแต่อย่างใด ก่อนที่โรงงานจะปิดตัวลง แต่ยังมีพนักงานมาช่วยกันแพ็คของและรับพนักงานเป็นชายชาวเมียนมา 1 คน ชื่อนายทอม อายุ 30 ปี ซึ่งทำงานได้ไม่ได้ก็ก่อเหตุปล้ำพนักงานหญิง โดยคนงานได้ช่วยกันรุมสกรัมและไล่ออกไป นอกจากนี้ ยังมีวัยรุ่น 2 คย ยิงปืนเข้ามาในบ้านจำนวนหลายนัดอีกด้วย ก่อนจะมาเกิดเพลิงไหม้ดังกล่าว ซึ่งมูลค่าความเสียหายประมาณ 40 ล้านบาท

ต่อมาเวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เข้าตรวจสอบโรงงานดังกล่าว พร้อมด้วยพ.ต.อ.ภูมิธัช โฆษิตวนิชพงศ์ ผกก.สน.ธรรมศาลา พ.ต.ท.วันชัย แก้วจินดา รอง ผกก.สอบสวน สน.ธรรมศาลา พ.ต.ท.ประกิจธนาภวัฒน์ เรืองรัตน์ สุนทร รอง ผกก.สืบสวน สน.ธรรมศาลา เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ธรรมศาลา โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที

พ.ต.อ.ภูมิธัช กล่าวว่า หลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุ ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ได้ ขณะเดี่ยวกันได้ให้ฝ่ายสืบสวนตรวจดูกล้องวงจรปิดที่อยู่โดยรอบ ทั้งนี้ ต้องตรวจสอบด้วยว่าเซฟเวอร์ที่อยู่ภายในโรงงานถูกไฟไหม้ด้วยหรือไม่ และรอผลอย่างเป็นทางการจาก พฐ.อีกครั้งว่าเกิดจากสาเหตุใด อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นจากการสอบถามพนักงานไฟฟ้าที่เข้ามาตรวจสอบพบว่าไม่มีสิ่งผิดปกติในการตัดไฟที่ติดให้กับโรงงาน และไม่ใช่สาเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจรที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน