วันที่ 22 ก.ย. พ.ต.ต.พิษณุ แก้วขัน สว.สส.สภ.เมืองกำแพงเพชร พร้อมด้วย พ.ต.ต.กีรติ สายสุข สว.สส.สภ.เมืองกำแพงเพชร และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนำหมายศาลเข้าจับกุม นายชัยวัฒน์ ศิริวัฒน์วโรชา อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นนายช่างโยธาปฏิบัติงาน อบต.หนองคล้า อ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร ผู้ต้องหาคดีร่วมกันลักตู้นิรภัยของบริษัทมายสตาร์อิเล็กทริค จำกัด เลขที่ 61/6 ถนนเทศา 1 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร เมื่อคืนวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังจากคนร้ายได้ก่อเหตุขับรถกระบะ สีขาว แบบแค๊บ เข้าไปลักตู้นิรภัยในบริษัท และได้ขับหลบหนีไป ต่อมามีผู้ไปพบตู้นิรภัยถูกทิ้งในเขต อบต.ห้วยไร่ จ.เพชรบูรณ์
จากนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร จึงลงพื้นที่หาข่าว และตรวจสอบกล้องวงจรปิดจนสามารถติดตามจับกุมนายชัยวัฒน์ เอาไว้ได้ นอกจากนี้ยังพบว่ามีนายพิษณุ พึ่งแสวง อายุ 28 ปี ชาว ต.ศรีสำราญ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ที่ร่วมขบวนการด้วยยังหลบหนีอยู่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวภรรยาของทั้ง 2 คน ไว้เนื่องจากร่วมกันก่อเหตุลักตู้นิรภัยในคดีนี้ด้วย
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมจะออกหมายจับนายสมนึก พึ่งแสวง พี่ชายของนายพิษณุ ซึ่งมีอาชีพรับเหมาติดตั้งโทรศัพท์ให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งได้ช่วยกันงัดตู้เซฟระหว่างที่หลบหนีไปที่ จ.เพชรบูรณ์ ก่อนจะได้ทรัพย์สินแล้วก็ทิ้งตู้เซฟไว้ในป่าดังกล่าว
จากการสอบสวน นายชัยวัฒน์ ให้การรับสารภาพโดยอ้างว่า ก่อนเกิดเหตุนายพิษณุ คู่เขย ซึ่งทำงานเป็นพนักงานเก็บเงินอยู่ที่บริษัทที่เกิดเหตุซึ่งทำงานได้เพียง 4 เดือนเท่านั้น โดยวันเกิดเหตุ นายพิษณุ ได้มาหาเพื่อขอยืมรถกระบะตน โดยบอกว่าที่บริษัทไม่ได้ส่งเงินเข้าธนาคารและเก็บไว้ในตู้เซฟ จึงวางแผนที่จะไปยกตู้นิรภัย ก่อนที่จะร่วมกันพร้อมกับภรรยาไปก่อเหตุ โดยนายพิษณุ ขึ้นไปเคลื่อนย้ายตู้เซฟลงมาตามบันได นำมาบรรทุกที่ท้ายกระบะ และขับไปยังเขต จ.เพชรบูรณ์ จากนั้นไปรับนายสมนึก พี่ชายของนายพิษณุ ให้นำชะแลงมาช่วยกันงัดแงะตู้เซฟ โดยนายสมนึก ได้ค่าแรงไป 15,000 บาท ที่เหลือ ตนกับนายพิษณุ แบ่งกันคนละ 37,000 บาท
ส่วนสาเหตุที่ทำลงไปเพราะเงินเดือนไม่พอใช้ ต้องผ่อนรถ จ่ายค่าแชร์และหนี้สินอีกจำนวนมาก ส่วนภรรยาก็มีหมายจับคดีเช็คติดตัว และเคยคิดจะลาออกไปทำมาค้าขายที่บ้านภรรยาใน จ.สุพรรณบุรี เป็นจังหวะเดียวกับที่นายพิษณุ มาชวนก่อเหตุและขณะนั้นตนอยู่ในอาการมึนเมาสุราด้วย จึงทำลงไป ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด และยินดีที่จะรับโทษทางกฎหมาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะได้ลงพื้นที่ติดตามตัวผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
