วันที่ 18 ต.ค. กรณีช้างป่าสีดอไม่มีงา น้ำหนัก 3 ตัน ถูกน้ำป่าพัดลงจากเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง มาติดในคลองชมพู ม.3 ต.ชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ห่างจากเขตอุทยานประมาณ 1 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานระดมกำลังช่วยเหลือช้างป่า แต่ยังไม่สามารถช่วยขึ้นมาได้ ขณะที่ช่วงเช้าช้างเริ่มอ่อนแรงมากขึ้นจนยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าใกล้ได้ ทีมสัตว์แพทย์เข้าฉีดยาบำรุงและยาคลายเครียด จากนั้นนำเชือกคล้องแล้วระดมกำลังเจ้าหน้าที่กับชาวบ้านนับร้อยคน ช่วยกันลากลูกช้างมาเกยอยู่ที่ตลิ่ง ซึ่งช้างแสดงอาการหมดแรงจนล้มนอนลงในน้ำแต่ยังพอจะชูงวงพ้นน้ำเพื่อหายใจได้
ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. เจ้าหน้าที่อุทยาน และชาวบ้าน นำรถแบกโฮขนาดใหญ่ดึงช้างขึ้นมาอยู่บนฝั่งได้สำเร็จ โดยช้างป่าอยู่ในสภาพเจ็บขาและอ่อนเพลียมาก สัตวแพทย์ได้เร่งให้น้ำเกลือ และวิตามิน รวมทั้งรักษาเยียวยาช้างป่าเคราะห์ร้ายอย่างเต็มกำลังความสามารถ
นสพ.ภัทรพล มณีอ่อน นายสัตวแพทย์สัตว์ป่าประจำกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า เมื่อทราบเรื่องดังกล่าว ตนได้ประสานทีมสัตวแพทย์ประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 (พิษณุโลก) เพื่อเตรียมความพร้อมด้านเวชภัณฑ์ช่วยเหลือในภาวะฉุกเฉิน ซึ่งในช่วงหัวค่ำ (17 ต.ค.) เจ้าหน้าที่กรมอุทยาน ชาวบ้านในพื้นที่ และทีมสัตวแพทย์ ได้ร่วมมือช่วยเหลือช้างป่าดังกล่าว โดยใช้รถแบ็กโฮปรับฝั่งคลองจากนั้นค่อยๆ ช่วยกันดึงขึ้นจากคลองจนสำเร็จได้ในช่วงบ่ายวันนี้
นสพ.ภัทรพล กล่าวต่อว่า เบื้องต้นพบว่าช้างป่าตัวดังกล่าว เป็นช้างสีดอ อายุประมาณ 30 ปี ยังค่อนข้างระแวง เครียด มีอาการอ่อนแรงอยู่ไม่สามารถพยุงตัวขึ้นได้ เนื่องจากช้างป่าน่าจะอยู่ในคลองนาน อีกทั้งในคลองชมพูน้ำค่อนข้างลึก ช้างป่าจึงต้องใช้ขาตีน้ำเพื่อพยุงตัวไม่ให้จมน้ำอยู่ตลอดเวลา สำหรับการรักษาเบื้องต้น ทีมสัตวแทพย์ได้ทำการล้วงก้นช้างให้ถ่ายมูลหรือระบายลมออกจากท้อง เพราะท้องช้างป่าท้องอืดมาก และให้น้ำเกลือ ให้ยาบำรุงเข้าเส้นเลือด ขณะนี้รอเจ้าหน้าที่ศูนย์ช้างจากลำปางมาทำการช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายต่อไป
สำหรับช้างป่าตัวนี้น่าจะถูกน้ำป่าพัดตกคลองชมพู เมื่อเวลาประมาณตี 4 เช้าตรู่วันที่ 17 ตุลาคม เนื่องจากช่วงนั้นมีฝนตกหนักและน้ำป่าไหลหลาก จนกระทั้งช่วงสายมีชาวบ้านมาพบและเริ่มทำการช่วยเหลือช้างป่าเคราะห์ร้ายตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 17 ตุลาคมเป็นต้นมา จนสามารถนำขึ้นฝั่งรวมเวลากว่า 33 ชั่วโมง
ขอบคุณภาพจาเฟซบุ๊ก : บุญสืบ เผือกอ่อน ,Wirat Mathamma และ ภัทรพล ล็อต มณีอ่อน
