จากกรณีที่อ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก บ้านสว่างนิยม ม.14 ต.โคกตะเคียน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ มีขนาดกักเก็บ 3 แสน 8 หมื่นลูกบาศก์เมตร ถูกมวลน้ำสะสมจากเทือกเขาพนมดงรักชายแดนไทย-กัมพูชา ทะลักเข้ามาสมทบปริมาณน้ำในอ่าง จนเกิดการกัดเซาะดินบริเวณท่อเหลี่ยมปากทางระบายน้ำจนพังเสียหาย และทำให้ถนนลาดยางที่สร้างอยู่บนท่อเหลี่ยมบนสันอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กถูกตัดขาด ขนาดความกกว้างกว่า 20 เมตร โดยเป็นเส้นทางหลักที่เชื่อมต่อหลายหมู่บ้านและเป็นเส้นทางลัดระหว่าง อ.ปราสาท-อ.กาบเชิง

โดยเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.ของวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่มวลน้ำได้ไหลทะลักไปยังพื้นที่ ต.ตาเบา อ.ปราสาท ตลอดทั้งคืน โดยนาข้าวไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด เพราะปริมาณน้ำได้ไหลลงไปตามลำห้วยตามปกติ และลดปริมาณลงแล้ว แต่ปริมาณน้ำที่ลดลงได้ส่งผลให้ปริมาณน้ำดิบที่ใช้ผลิตน้ำประปา ของ 2 หมู่บ้าน ประกอบด้วย บ.สว่างนิยม กับบ้านสวาย ต.โคกตะเคียน ไม่สามารถใช้การได้ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น

ล่าสุดช่วงบ่ายวันที่ 19 ต.ค. พลตรีพิเชษฐ์ อาจฤทธิ์รงค์ ผู้บัญชาการมลฑลทหารบกที่ 25,นายสุทธิโรจน์ เจริญธนศักดิ์ นายอำเภอกาบเชิง ,ผอ.โครงการชลประทานสุรินทร์,ปลัดจังหวัดสุรินทร์และนายกเทศมนตรีเทศบาลโคกตะเคียน ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ พร้อมนำรถแบ็คโฮและรถบรรทุกดิน เร่งบรรทุกดินถมเพื่อปิดกั้นทางน้ำ ไม่ให้ไหลออกจากอ่าง เนื่องจากปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำลดปริมาณลงอย่างมาก เกรงจะมีน้ำไม่เพียงพอต่อการผลิตน้ำประปาให้ประชาชนทั้ง 2 หมู่บ้านได้ใช้ ที่มีจำนวนเกือบ 500 หลังคาเรือน ซึ่งขณะนี้ได้เร่งทำการปิดกั้นทางน้ำไหลออกเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้อยู่ระหว่างที่รถบรรทุกดินเร่งบรรทุกดินมาเท เพื่อถมทำเป็นถนนเลี่ยงให้ประชาชนสัญจรได้ชั่วคราวก่อน คาดว่าจะใช้เวลาอีก 2-3 วันจึงจะสร้างถนนชั่วคราวแล้วเสร็จ

ขณะที่น้ำประปาของ 2 หมู่บ้านที่ไม่มีน้ำใช้หลังปริมาณน้ำลดดังกล่าว ทางเทศบาลตำบลโคกตะเคียน อยู่ระหว่างวางแผน เพื่อต่อท่อหัวกะโหลก ให้ยาวขึ้นไปให้ถึงจุดที่น้ำลึก เพื่อให้สามารถสูบน้ำขึ้นไปผลิตน้ำประปาให้ประชาชนได้ใช้ต่อไป

ขณะที่นายประเทือง วันดี ผอ.โครงการชลประทานสุรินทร์ ยืนยันว่า อ่างเก็บน้ำดังกล่าวเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก เป็นของกรมทรัพยกรน้ำ มีความจุประมาณ 3 แสน 8 หมื่น ลบ.ม. ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำประปาให้ประชาชน 2 หมู่บ้าน หลังจากน้ำทะลักพังเสียหาย ปริมาณน้ำที่ไหลออกไปจะไม่ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่การเกษตร โดยเฉพาะนาข้าวแต่อย่างใด เพราะปริมาณน้ำมีจำนวนไม่มากนัก และได้ไหลลงไปตามลำห้วยสาขาก่อนจะไหลไปยังลำห้วยเสนง จากนั้นจะไหลไปรวมกันที่อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง ต.เฉนียง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งสามารถรองรับปริมาณน้ำดังกล่าวได้อยู่แล้ว ประชาชนไม่ต้องตื่นตระหนกแต่อย่างใด

นายสุทธิโรจน์ เจริญธนศักดิ์ นายอำเภอกาบเชิง กล่าวว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้ทั้ง 2 หมู่บ้านได้จัดเวรยาม เฝ้าระวังทั้งเรื่องน้ำและผู้ที่ไม่ทราบเส้นทางมาใกล้บริเวณ เกรงจะเกิดอันตราย ส่วนเส้นทางจะใช้การไม่ได้ 2-3 วันก็จะให้ไปใช้ทางเบี่ยง ซึ่งเป็นเส้นทางอ้อมอีกเส้น ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้มอบหมายให้เทศบาลตำบลโคกตะเคียน แก้ปัญหาเบื้องต้น นำรถแบ็คโฮมาขุดดินทำถนนชั่วคราวให้ประชาชนได้สัญจรได้ก่อน และเพื่อกักเก็บน้ำไว้ เพราะเป็นช่วงปลายฤดูฝนแล้ว และชาวบ้านจะต้องใช้น้ำประปา ซึ่งในการแก้ปัญหาระยะยาวจะได้ประสานในระดับจังหวัด หน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการสร้างท่อเหลี่ยมและถนนลาดยาง เพื่อให้กลับคืนมาใช้งานได้ตามปกติต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน