วันที่ 15 พ.ย. ที่สำนักงานอัยการจังหวัดลำปาง อ.เมือง จ.ลำปาง นายวิทยา วงค์ชมภู ทนายความพร้อมด้วย นางสุข บุญตู้ อายุ 48 ปี และ นายน้อย ยาง อายุ 62 ปี พร้อม นายอนุรักษ์ บรรพตไพรวัลย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 บ้านแม่ต๋อม ต.หัวเมือง อ.เมืองปาน จ.ลำปาง ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการจังหวัดลำปาง หลังจากเมื่อช่วงเช้าวันที่ 6 ก.ย. ที่ผ่านมา ที่บริเวณถนนในหมู่บ้านแม่ต๋อมนอกกับแม่ต๋อมใน ได้เกิดเหตุต้นไม้ล้มทับรถจยย.และคนเสียชีวิต 3 ราย คือ นายสุกิม บุญตู้ อายุ 55 ปี ด.ญ.ทิวาพร บุญตู้ อายุ 11 ปี และ ด.ญ.จารุวรรณ ยาง อายุ 11 ปี

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวทราบว่า นายสุกิม ได้ขี่รถจยย. พา ด.ญ.ทิวาพร และ ด.ญ.จารุวรรณ ซ้อนท้ายเพื่อจะไปส่งที่โรงเรียนบ้านหัวเมือง พอมาถึงที่เกิดเหตุก็ได้มีต้นพระเจ้าห้าพระองค์หักลงมาและล้มทับใส่รถจยย.จนทำให้ นายสุกิม เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วน ด.ญ.ทิวาพร และ ด.ญ.จารุวรรณ ได้ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล อีกทั้งทางพนักงานสอบสวน สภ.แจ้ซ้อน ได้สรุปสาเหตุการตายของทั้ง 3 รายว่าตายด้วยเหตุสุดวิสัยจากต้นไม้ล้มทับขณะขี่รถจยย.ผ่าน

ด้าน นายวิทยา วงค์ชมภู ทนายความ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวแม้จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว แต่ก็เป็นเพียงการเยียวยาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น คือได้รับความช่วยเหลือเงินหลักพัน และได้รับเงินเบื้องต้นจากการเกิดอุบัติเหตุของบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถศพละ 35,000 บาทเท่านั้น โดยทางบริษัทก็ปฏิเสธที่จะจ่ายส่วนที่เหลือซึ่งอ้างว่าเหตุที่เกิดไม่ได้เกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่ โดยทางครอบครัวของผู้ตายทั้ง 2 ครอบครัวซึ่งเป็นชาวเขามีฐานะยากจนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากโดยเฉพาะนางสุข ที่ได้สูญเสียสามีที่เป็นหัวหน้าครอบครัวและลูกสาวไปพร้อมกันอีกด้วย

โดยทางทนายความระบุว่าหากพนักงานสอบสวนสรุปสาเหตุการตายในลักษณะนี้ก็จะทำให้การเรียกร้องค่าเสียหายที่จะช่วยเหลือครอบครัวของทั้ง 3 คน ยากลำบากมากยิ่งขึ้น ดังนั้นตนจึงได้เข้ามาช่วยเหลือครอบครัวของผู้สูญเสียเพื่อดำเนินการเรียกร้องขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้ เพราะเห็นว่าการตายของทั้ง 3 คน ไม่ได้เกิดจากเหตุสุดวิสัยตามที่พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนไว้ เนื่องจากเห็นว่าไม่ได้เกิดจากเหตุสุดวิสัยโดยขณะเกิดเหตุก็ไม่ได้เกิดฝนฟ้าคะนองหรือฝนตก แต่มูลเหตุเกิดจากความประมาทของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่ดูแลต้นไม้ที่อยู่บริเวณริมถนนได้ปล่อยปละละเลยไม่ดูแลระมัดระวังบำรุงรักษาต้นไม้หรือตัดต้นไม้ที่คาดได้ว่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ถนน

ซึ่งต้นไม้ที่ล้มทับผู้เสียชีวิตทั้งสามคนนั้นเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่และได้ยืนต้นแห้งตายมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว จึงไม่มีรากเพื่อยึดเกาะดินเพื่อให้สามารถพยุงตัวเองได้ อีกทั้งก่อนเกิดเหตุทางชาวบ้านยังได้มีการร้องเรียนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการตัดต้นไม้ดังกล่าวแต่ได้รับความเพิกเฉยจากหน่วยงานของรัฐมาโดยตลอดกระทั่งเกิดเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 รายดังกล่าว ดังนั้นเชื่อว่าการเสียชีวิตของทั้ง 3 คนจึงไม่ใช่เกิดจากเหตุสุดวิสัยตามที่พนักงาสอบสวนได้สรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการแต่อย่างใด

ทั้งนี้นายอนุรักษ์ บรรพตไพรวัลย์ ผู้ใหญ่บ้านบ้านแม่ต๋อม ได้กล่าวว่าเรื่องถนนและต้นไม้ที่อยู่ริมถนน ทางชาวบ้านเคยได้พูดคุยและบอกกับทาง อำเภอ อบต. และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ มาโดยตลอดแต่เรื่องก็เงียบไปซึ่งก็ไม่แน่ชัดว่าเป็นหน่วยงานไหนที่รับผิดชอบ อีกทั้งต้นไม้ที่ล้มนั้นก่อนหน้านี้ได้เอนเอียงอยู่แล้วแต่ชาวบ้านจะตัดเองก็ไม่ได้เพราะกลัวถูกจับได้แต่บอกเจ้าหน้าที่ที่เข้าออกหมู่บ้านทราบเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขจนเกิดเหตุการณ์ขึ้น ซึ่งขณะนี้ยังมีต้นไม้ที่มีลักษณะดังกล่าวอีกหลายต้นที่อยู่ริมถนนซึ่งก็ยังไม่มีการตัดหรือถอนออกแต่อย่างใด

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน