เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล จ.ภูเก็ต พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีกรมสอบสวนคพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วยพ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.มนตรี บุณยโยธิน ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ทหาร กองพลทหารราบที่ 5 ทัพเรือภาคที่ 3 กรมป่าไม้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล สำนักงานเจ้าท่าจังหวัดภูเก็ต สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง สำนักงานบังคับคดีจังหวัดภูเก็ต ร่วมกันประชุมหารือ ก่อนร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดิน 2 แปลงบริเวณหาดหาดลายันและหาดเลพัง ม.4 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง ซึ่งเป็นที่ดินที่รัฐชนะคดี 178 ไร่ เพื่อแจ้งเตือนผู้บุกรุกให้รับทราบและออกจากพื้นที่ภายใน 30 วัน พร้อมกับปักป้ายข้อความ “ห้ามบุกรุกยึดถือครอบครองฯ” เพื่อให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนพื้นที่สาธารณะดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยเจ้าหน้าที่ได้มีการติดป้ายประกาศไว้หลายจุดตั้งแต่ทางเข้าหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติหาดลายัน ไปจนถึงบริเวณร้านอาหารโทนี่ หาดเลพัง นอกจากนี้ ยังดำเนินการเก็บพยานหลักฐาน เมื่อครบกำหนดแล้วหากผู้บุกรุกยังไม่ออกจากพื้นที่ ดีเอสไอก็จะรับเป็นคดีพิเศษทันที

สำหรับกรณีการลงพื้นที่ในครั้งนี้ สืบเนื่องจากกรณีที่คณะกรรมการคดีพิเศษ (คกพ.) มีมติให้การบุกรุกที่ดินบริเวณหาดลายันและหาดเลพัง ม.4 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง เป็นคดีพิเศษ และต่อมาพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้รับกรณีการออกโฉนดที่ดิน 2 แปลง เป็นคดีพิเศษ 2 คดี ประกอบด้วย โฉนดที่ดินเลขที่ 20777 เนื้อที่ประมาณ 7 ไร่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์ป่าลายัน ภายในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ และโฉนดที่ดินเลขที่ 21047 เนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่นอกเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ แต่เป็นที่สาธารณะ

ซึ่งดีเอสไอตรวจพบว่า พื้นที่ดังกล่าวเคยมีสภาพเป็นทะเลมาก่อน และมีถนนเลียบชายหาด ต่อมาได้เกิดแผ่นดินงอกจากชายทะเล พื้นที่ดังกล่าวจึงเป็นที่ดินของรัฐซึ่งเป็นที่สาธารณะประโยชน์ โดยโฉนดที่ดินทั้ง 2 แปลง มีเจ้าหน้าที่รัฐรายหนึ่งเป็นผู้ลงนามโดยไม่มีอำนาจ สำหรับมูลค่าของที่ดินประมาณไร่ละ 70 ล้านบาท

ต่อมาเมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา ศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ออกโฉนดที่ดินเลขที่ 21047 โดยมิชอบ และมีคำสั่งให้เพิกถอนโฉนดดังกล่าว ส่วนอีก 1 คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่ามีเอกชนประมาณ 9 ราย ที่ทำการยึดถือครอบครองที่ดินต่อจากโฉนดที่ดินทั้ง 2 แปลง ซึ่งมีทั้งออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบบ้าง ถูกเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วบ้าง ครอบครองโดยไม่มีหลักฐานบ้าง

โดยพื้นที่ดังกล่าว มีสภาพเป็นทะเลมาก่อน จึงไม่มีผู้ใดที่ยึดถือครอบครองมาก่อนประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับในปี 2497 ซึ่งต่อมาเมื่อรัฐจะขึ้นทะเบียนเป็นที่สาธารณะประโยชน์ ก็ได้ถูกคัดค้านโดยเอกชน 9 ราย และนำเรื่องขึ้นสู่ศาล จนกระทั่งเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดภูเก็ตได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา ระบุว่าที่ดิน 178 ไร่ บริเวณหาดเลพัง เป็นที่สาธารณประโยชน์

สำหรับพื้นที่หาดลายัน และหาดเลพังที่มีการบุกรุกนี้ มีความยาวตามแนวชายทะเลประมาณ 2.5 กิโลเมตร เนื้อที่โดยประมาณ 200 ไร่ มูลค่าการซื้อขายไร่ละ 70 ล้านบาท รวมมูลค่าประมาณ 14,000 ล้านบาท การทวงคืนแผ่นดินรัฐจากผู้บุกรุกและบังคับใช้กฎหมายถือเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ได้ให้ความสำคัญและถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะนำกลับมาเป็นสมบัติของแผ่นดิน โดยการดำเนินการครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้บุกรุกได้ออกจากพื้นที่โดยเร็ว หากยังคงฝ่าฝืนยึดถือครอบครองที่สาธารณะไม่ยอมออกจากพื้นที่ ก็จะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน