วันที่ 17 พ.ย. พ.ต.ต.อาริชย์ ทัศน์พันธุ์ ผู้อำนวยการส่วนคดีการค้ามนุษย์ 3 กองคดีการค้ามนุษย์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองคดีการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง จับกุมตัว น.ส.ชัชฎาพร เจริญเนตร ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ ได้ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง โดยผู้ต้องหารายดังกล่าวเป็นผู้ต้องหารายสำคัญในคดี เป็นผู้ที่ชักชวนและหลอกลวงหญิงไทยไปบังคับค้าประเวณีที่ต่างประเทศ

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับข้อมูลจากองค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs) ว่ามีหญิงไทยถูกหลอกลวงไปบังคับค้าประเวณีที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยหลอกลวงว่าจะพาไปทำงานนวดแผนไทย แต่เมื่อเดินทางไปถึงกลับถูกบังคับให้ค้าประเวณีอย่างทารุณ รวมทั้งยึดหนังสือเดินทาง และกักขังโดยมีบุคคลคอยควบคุมอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งเมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลี ได้เข้าไปช่วยเหลือผู้เสียหาย และจับกุมตัวผู้ต้องหาชาวเกาหลีได้ 8 ราย พร้อมดำเนินคดีในข้อหาค้ามนุษย์ และสำหรับ น.ส.ชัชฎาพร นั้นเป็นผู้ต้องหารายสำคัญ ที่ชักชวนและหลอกลวงหญิงไทยไปบังคับค้าประเวณี ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนจะดำเนินการสอบสวนผู้ต้องหาเพื่อขยายผลจับกุมตัวผู้ต้องหาที่เหลือและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย พร้อมทั้งหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาการหลอกลวงหญิงไทยไปบังคับค้าประเวณีในต่างประเทศต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะที่กำกับดูแลกองคดีการค้ามนุษย์ ตระหนักถึงกรณีปัญหาการค้ามนุษย์ซึ่งเป็นนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นปัญหาที่มีการกระทำละเมิดต่อสิทธิและเสรีภาพของความเป็นมนุษย์ และสร้างความเหลื่อมล้ำต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จึงได้สั่งการให้กองคดีค้าการมนุษย์ดำเนินการในกรณีนี้อย่างเด็ดขาด จนนำไปสู่การขออนุมัติเป็นคดีพิเศษ (คดีพิเศษที่ 41/2560) โดย พ.ต.อ.อัครพล บุณโยปัษฎัมภ์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีการค้ามนุษย์และคดียาเสพติด หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ได้สั่งการให้คณะพนักงานสอบสวนทำการสืบสวนสอบสวน รวมทั้งประสานงานสถานทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย

พร้อมกันนี้ได้เดินทางไปยังสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงในคดี โดยได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานอัยการประจำสาธารณรัฐเกาหลี จึงทราบว่าในคดีดังกล่าวมีการกระทำในลักษณะขบวนการอาชญากรรม ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวนของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษดังกล่าว นำไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 10 ราย สัญชาติไทย 3 ราย และสัญชาติเกาหลี จำนวน 7 ราย โดยได้จับกุมตัว นายคิม ฮยอง จุน อายุ 39 ปี ผู้ต้องหารายสำคัญในคดีได้เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของศาล

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน