วันที่ 18 พ.ย. 2560 ที่วัดน้ำล้อม ต.สวนดอก อ.เมือง จ.ลำปาง พระครูสมุห์ฐิตะสังวโร เจ้าอาวาสวัด ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าได้มีคนเข้ามาหลอกลวงทางวัดให้มีการจัดเตรียมสถานที่จัดงานศพ ซึ่งมีผู้เสียหายเป็นคนดูแลวัดและแม่ค้าขายไอติมสูญเงินไปกว่า 5,000 บาท ซึ่งได้เข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองลำปาง เอาไว้แล้ว
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 09.00 น. ของเมื่อวานนี้ (17 พ.ย.) ได้มีผู้ชายสูงวัยอายุประมาณ 60 – 65 ปี ได้เข้ามาติดต่อกับทางวัดว่า จะนำศพแม่ยายมาบำเพ็ญกุศลที่ศาลาภายในวัด ทางวัดจึงได้โทรเรียกคนดูแลวัดเพื่อมาพูดคุยรายละเอียดกับชายคนดังกล่าว ก่อนจะสั่งของจัดเตรียมสถานที่ให้เรียบร้อยแต่ชายคนดังกล่าวได้หนีไปอีกทั้งยังได้ขอยืมเงินสดหายไปอีกด้วย
โดย น.ส.พรพิมล แปงวงค์ อายุ 42 ปี ชาว จ.ลำปาง ซึ่งเป็นคนดูแลวัดได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อวานนี้ชายคนดังกล่าวซึ่งแต่งตัวภูมิฐานอ้างตัวเองว่าชื่อ “นำชัย” เป็นเจ้าของโรงงานผลิตรองเท้าส่งออกต่างประเทศอยู่ที่ จ.นนทบุรี ซึ่งได้ติดต่อจะนำศพแม่ยายอายุ 91 ปีที่เสียชีวิตอยู่ที่ รพ.ลำปาง มาทำพิธีทางศาสนาที่วัดโดยบอกว่าศพจะออกมาเวลา 13.00 น. ซึ่งตนเองก็ได้สั่งของต่างๆทั้งน้ำดื่ม น้ำแข็ง และเครื่องสังฆภัณฑ์ และเครื่องไทยทาน รวมถึงทำความสะอาดจัดเตรียมสถานที่บริเวณศาลาบำเพ็ญบุญให้เรียบร้อย ซึ่งจากนั้นก็ได้ยืมเงินสดตนเองไปอีก 500 บาทโดยอ้างว่าจะนำไปซื้อดอกไม้ที่ตลาดโดยก็ได้ขอซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของตนเองออกไปที่ตลาดหลักเมือง
จากนั้นตนเองก็ได้หลับมาที่วัดรอจนถึงเวลา 16.00 น.ก็ไม่มีศพเข้ามาที่วัดหรือญาติคนอื่นๆเข้ามาที่วัดอีกทั้งชายคนดังกล่าวหลังจากที่ไปส่งในตลาดก็ไม่กลับมาอีกเลย จนกระทั่งไปพบ น.ส.บลู อายุ 24 ปี แม่ค้าขายไอติมที่อยู่ในวัดก็ทราบว่าถูกชายคนดังกล่าวเหมาซื้อไอติมจำนวน 1 ถัง มาแจกภายในงานศพซึ่งอ้างว่าจะมีเด็กนักเรียนมาช่วยงานกว่า 50 คน โดยตกลงค่าไอติมเป็นเงิน 3,000 บาท แต่ก็ยังไม่ได้จ่ายเงินอีกทั้งยังได้ยืมเงินไปอีก 500 บาท โดยอ้างว่าจะไปซื้อของแต่ไม่มีเงินติดตัวและบอกว่าเดี๋ยวญาติกำลังถอนเงินแล้วจะนำมาคืนให้พร้อมกับจ่ายค่าไอติม
อย่างไรก็ตาม น.ส.พรพิมล คนดูแลวัด และ น.ส.บลู คนขายไอติม ก็ทราบว่าตนเองทั้ง 2 คนถูกหลอกสูญเงินไปรวมกันกว่า 5,000 บาท ในการสั่งซื้อของต่างๆ รวมถึงค่าไอติม และเงินสดที่ชายคนดังกล่าวยืมไป จึงได้เข้าแจ้งความจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองลำปาง เพื่อจะได้ติดตามตัวชายคนดังกล่าวมาทำการสอบสวนและดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป ซึ่งภาพจากล้องวงจรปิดภายในวัดสามารถจับภาพชายคนดังกล่าวได้อย่างชัดเจนแต่เมื่อสอบถามชาวบ้านในละแวกแถวนั้นแล้วก็ไม่มีใครเคยเห็นหน้าหรือรู้จักเลย
