เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ที่สำนักงานเทศบาลตำบลยางตลาด อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ นายสุบิน อายุ 48 ปี พร้อมนางแสงเดือน อายุ 49 ปี สามีภรรยา นำลูกชายอายุ 17 ปี เข้าพบนายเกรียงไกร ภูมิเหล่าแจ้ง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลยางตลาด พ.จ.ต.สมชาย ภูเขียวขำ ปลัดเทศบาลตำบลยางตลาด และนายสุรนิตย์ สุริฉาย นิติกรเทศบาลตำบลยางตลาด เพื่อขอให้ทางเทศบาลฯชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีได้รับหนังสือจากเทศบาลตำบลยางตลาด แจ้งให้ลูกชายคืนเงิน 8,232 บาท ให้กับกองคลังเทศบาลฯภายใน 15 วัน โดยยืนยันว่าลูกชายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับเทศบาลตำบลยางตลาด เพราะยังเรียนหนังสืออยู่ชั้น ม.5 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจ.มหาสารคาม

นางแสงเดือน กล่าวว่า หนังสือฉบับดังกล่าว จ่าหน้าซองจากสำนักงานเทศบาลตำบลยางตลาด และนำส่งถึงลูกชาย ซึ่งนายไปรษณีย์ได้นำส่งเมื่อเช้าวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา เมื่อเปิดอ่านดูทำให้ตนกับนายสุบินและลูกชายแทบช็อค เพราะเป็นหนังสือลักษณะทวงหนี้ ทั้งที่เรา 3 คน ไม่เคยเกี่ยวข้องกับเทศบาลตำบลยางตลาด จึงไม่รู้ต้นสายปลายเหตุว่า ได้รับหนังสือทวงเงินฉบับนี้ได้อย่างไร

นางแสงเดือน กล่าวต่อว่า หนังสือฉบับดังกล่าว เป็นหนังสือราชการที่ออกโดยสำนักงานเทศบาลตำบลยางตลาด ลงวันที่ 29 พ.ย. 2560 ว่า ระบุให้คืนเงินกรณีเบิกจ่ายเงินค่าป่วยการประจำตำแหน่งรายเดือนเกินสิทธิ และอ้างถึงสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จ.กาฬสินธุ์ ระบุว่าให้ลูกชายนำเงิน 8,232 บาท คืนกองคลังเทศบาลภายใน 15 วัน นับจากที่ได้รับหนังสือ

“หลังจากได้อ่านหนังสือฉบับนั้นและตั้งสติได้แล้ว จึงหารือญาติพี่น้องและปรึกษาครูประจำชั้นของลูกชายว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะรู้สึกว่าได้รับความเสียหาย ไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะจู่ ๆ ลูกชายก็ได้รับหนังสือทวงเงินเหมือนไปติดหนี้สินใครไว้ จึงได้ไปแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันกับพ.ต.ท.กมล ศิริขันธ์ สว.สส.ปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวร สภ.ชื่นชม จ.มหาสารคาม เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อยืนยันว่าลูกชายยังเป็นเด็กนักเรียนชั้น ม.5 ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องหรือทำงานที่เทศบาลตำบลยางตลาดแต่อย่างไร” นางแสงเดือน กล่าว

ด้าน นายสุบิน กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเกิดจากเหตุจดหมายผิดซอง หรือบังเอิญชื่อตรงกันอย่างไรก็ตาม ทำให้ตน 3 คนพ่อแม่ลูกรู้สึกเสียขวัญ หวาดผวา เนื่องจากเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ทำนา ทำไร่ เมื่อได้รับหนังสือจากทางราชการ โดยอ้าง สตง.จึงตกใจ แทบทำอะไรไม่ถูก จึงไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ และอยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ สำหรับหน่วยงานราชการหรือองค์กรต่างๆ ที่จะออกหนังสือ ให้ตรวจทานอย่างรอบคอบและถูกต้องก่อนนำส่งด้วย ไม่อยากให้เรื่องดังกล่าวขึ้นเกิดเหมือนกับที่ตนได้รับ และในขณะนี้ ถึงแม้ว่าจะได้รับคำชี้แจงจากเทศบาลตำบลยางตลาดแล้ว ยังรู้สึกเกรงกลัวอำนาจรัฐอยู่

ด้าน นายเกรียงไกร กล่าวว่า หลังได้รับทราบเรื่อง และรับฟังคำชี้แจงจากทางปลัดเทศบาลฯ และนิติกร ซึ่งรับผิดชอบในส่วนที่ออกหนังสือฉบับดังกล่าว โดยมีนายบุญเลี้ยง พิชัยเชิด รองนายกเทศมนตรี เป็นผู้ลงชื่อรับรอง ทราบว่าเป็นความคลาดเคลื่อนของข้อมูล เนื่องจากหนังสือแจ้งให้คืนเงิน ทางเทศบาลได้แจ้งไปยังสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) ในช่วงปี 2554-2557 จำนวน 5 ราย เป็นเงินรวม 18,798 บาท ซึ่งหนึ่งในนั้นมีชื่อนายกิตติศักดิ์ กองเพ็ชร แต่กลับเป็นเรื่องบังเอิญที่ชื่อไปสอดคล้องใกล้เคียงกับเด็กชายอายุ 17 ปีรายนี้

ทั้งนี้ เบื้องต้นได้ชี้แจงทำความเข้าใจและได้ทำการขอโทษด้วยวาจากับครอบครัวดังกล่าวแล้ว ก่อนที่จะสั่งการให้สำนักปลัดฯ ออกหนังสือขอโทษอย่างเป็นทางการในภายหลัง และจะให้เดินทางไปไกล่เกลี่ย เพื่อยุติปัญหากับพนักงานสอบสวน สภ.ชื่นชม ในเร็ววันนี้ เพื่อเรียกขวัญกำลังใจกลับมา และทางเทศบาลฯขอรับผิดในความคลาดเคลื่อนของข้อมูล และกรณีที่เกิดเหตุจดหมายผิดซองในครั้งนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน