จากกรณีเพจเฟซบุ๊ค “WATCHDOG THAILAND” มีการเผยแพร่ภาพและเรื่องราวระบุว่า เกิดเหตุมีผู้ทำร้ายสุนัขสายพันธุ์บูลลี่ ชื่อ “โบตั๋น” จนได้รับบาดเจ็บสาหัสที่บริเวณขา 2 ข้าง และมีบาดแผลขนาดใหญ่จากการถูกของมีคมฟัน 2 แห่ง ในพื้นที่ อ.สารภี จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยเทศบาลตำบลหนองผึ้ง จ.เชียงใหม่ ได้เร่งเข้าช่วยเหลือสุนัขตัวดังกล่าว และนำส่งรักษาตัวที่คลินิกรักษาสัตว์ที่อยู่ใกล้เคียงจนอาการปลอดภัย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจอย่างมากให้กับผู้ที่ทราบเรื่องราวและมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโลกโซเชียลถึงการกระทำที่โหดร้ายรุนแรงของผู้ก่อเหตุ

ล่าสุดวันที่ 7 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและได้พบกับ นายวันชัย มณีมงคล อายุ 58 ปี เจ้าของสนัขโบตั๋น พร้อมเปิดเผยว่า โบตั๋นเป็นสุนัขที่เลี้ยงไว้นานกว่า 5 ปีแล้ว นิสัยขี้เล่น ร่าเริง และไม่ดุร้าย ที่ผ่านมาไม่เคยก่อปัญหาใดๆ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา ใกล้กับบ้านพักของตน อยู่ในซอยวัดบ่อน้ำทิพย์ ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ โดยในช่วงก่อนเกิดเหตุตนกำลังทำความสะอาดบ้าน ส่วนเจ้าโบตั๋นก็วิ่งเล่นอยู่ในบริเวณบ้านกับสุนัขของเพื่อนบ้าน แต่ช่วงที่ผลเผลอปรากฏว่าสุนัขทั้งหมดได้พากันวิ่งออกไปเล่นที่บ้านของเพื่อนบ้าน จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ที่เพื่อนบ้านทำร้ายสุนัขของตนขึ้น โดยอ้างว่าสุนัขของตนกัดสุนัขของเพื่อนบ้าน ซึ่งหลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่กู้ภัย ได้เร่งเข้าให้การช่วยเหลือและนำส่งให้สัตวแพทย์ทำการรักษาจนอาการปลอดภัย

สำหรับอาการบาดเจ็บของเจ้าโบตั๋นนั้นพบว่าได้รับบาดเจ็บกระดูกขาแตก 2 ข้าง และมีบาดแผลขนาดใหญ่จากการถูกของมีคมบาด 2 แห่ง ซึ่งสัตวแพทย์ได้ทำการรักษาและเย็บแผลให้หลายสิบเข็ม เวลานี้อาการดีขึ้นตามลำดับและรับตัวกลับมาดูแลที่บ้านแล้ว เสียค่าใช้จ่ายในการรักษาไปเบื้องต้น 7,000 บาท และยังต้องนำตัวไปรักษาอีกอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะหายเป็นปกติ ซึ่งขณะนี้เจ้าโบตั๋นมีสภาพจิตใจดีขึ้นและร่าเริง

ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดตนเป็นผู้รับผิดชอบเอง โดยที่ไม่ได้เรียกร้องจากคู่กรณีแต่อย่างใด รวมทั้งได้มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วว่าไม่ติดใจเอาความหรือดำเนินการตามกฎหมายใดๆ กับคู่กรณีที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกัน เพราะไม่อยากทำมีปัญหาขัดแย้งกัน แม้ว่าจะมีหลายคนที่สนับสนุนให้ดำเนินการเพื่อให้เป็นกรณีตัวอย่างก็ตาม และตั้งแต่เกิดเหตุยังไม่เคยได้รับการติดต่อพูดคุยใดๆ จากคู่กรณีเลย โดยอยากบอกแต่เพียงว่า การกระทำดังกล่าวนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำกับสุนัข โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่เลี้ยงสุนัขเหมือนกัน

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน