วันที่ 8 ธ.ค. ร.ต.อ.นิธิวัฒน์ สองสี พนักงานสอบสวน สภ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ได้รับแจ้งมีเหตุใช้อาวุธสงครามยิงกันที่บ้านเลขที่ 89 บ้านค้อ หมู่ 7 ต.โซง อ.น้ำยืน จึงพร้อม พ.ต.อ.สุธีร์ เศรษฐวงศ์ ผกก.รุดเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบเพียงรอยเลือด ปลอกกระสุน 6 ปลอก หัวกระสุนที่ยิงแล้ว 1 หัว และลูกกระสุนปืนอาร์ก้าที่ขัดลำกล้อง
ซึ่งมือปืนได้คัดออกอีก 2 นัด ตกอยู่บริเวณพื้นทางเดินของบ้านเกิดเหตุ ส่วนคนถูกยิงญาตินำตัวส่งโรงพยาบาลและไปเสียชีวิตทราบชื่อต่อมาว่า พลทหารประสงค์ กล้าหาญ อายุ 21 ปี เป็นลูกชายเจ้าของบ้านเกิดเหตุ มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืน 3 นัด เข้าที่ชายโครง สีข้างด้านขวา และกลางหน้าท้องอย่างละ 1 นัด
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายสมพร ปานะชำ อายุ 28 ปี ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กับผู้ตาย หลังใช้อาวุธปืนยิงพลทหารประสงค์แล้วได้หลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าปิดล้อมบริเวณกระท่อนนาห่างจากหมู่บ้านไปประมาณ 1 กิโลเมตรเศษ ซึ่งคนร้ายใช้หลบซ่อนตัว และยินยอมให้จับกุมไว้แต่โดยดี พร้อมกับอาวุธปืนอาร์ก้าแบบพับฐาน 1 กระบอก ลูกกระสุนปืน 11 นัด ซองบรรจุกระสุน 1 ซอง
จากการตรวจค้นในกระท่อนนาดังกล่าว ยังพบลูกกระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวน 207 นัด ซองใช้บรรจุกระสุนปืนเอ็ม 16 อีก 2 ซอง ลูกระเบิดมือขว้างเอ็ม 46 อีก 1 ลูก ปืนแก๊ปยาวไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก คุมตัวนายสมพรมาสอบสวนทราบว่า นายสมพรอดีตเป็นทหารพรานประจำการอยู่ที่ จ.จันทบุรี ต่อมาได้ปลดประจำการกลับมาอยู่ที่บ้านเกิด ส่วนผู้ตายก็มีบ้านอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน
สอบสวนทราบว่า สาเหตุเนื่องจากความโกรธแค้น เมื่อช่วงสงกรานต์ปี 2560 ที่ผ่านมา พลทหารประสงค์ กลับมาเยี่ยมบ้านและมีปากเสียงกับนายสมพรอดีตทหารพรานรุ่นพี่ และพลทหารประสงค์ได้ชักปืนสั้นที่พกมาจี้ศรีษะนายสมพร ทำให้นายสมพรผูกใจเจ็บตั้งแต่นั้น และได้ติดต่อขอซื้อปืนจากชายแดนไทย-กัมพูชามาเก็บไว้
กระทั่งเมื่อวันก่อนพลทหารประสงค์ได้ลาพักกลับมาเยี่ยมบ้าน ทำให้นายสมพรสบโอกาสนำปืนอาร์ก้าที่เตรียมไว้มายิงนายสมพร โดยการยิงชุดแรกปืนขัดลำกล้อง เนื่องจากปืนอยู่ในสภาพเก่า จึงคัดลูกกระสุนทิ้ง ก่อนยิงเข้าใส่พลทหารประสงค์ในชุดที่ 2 จำนวน 6 นัด ลูกกระสุนถูกลำตัวและสีข้างจนเสียชีวิตดังกล่าว
สำหรับลูกกระสุนปืนเอ็ม 16 และระเบิดมือขว้างนายสมพรอ้างว่า เก็บสะสมไว้ตั้งแต่ครั้งเป็นทหารพราน จึงแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฏหมาย คุมตัวนายสมพรไปดำเนินคดีต่อไป
