วันที่ 12 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป. ภายใต้การอำนวยของ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก นำโดย พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ ผกก. 6 บก.ป., พ.ต.ท.ภัทราวุธ อ่อนช่วย สว.กก.6 บก.ป., พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป.และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.ถลาง จ.ภูเก็ต นำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกง หรือที่เรียกว่า แก็งควาย ภายในรีสอร์ตแห่งหนึ่ง บนถนนเส้นมุดดอกขาว – สนามบินสายเก่า ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งสืบทราบว่าได้เข้าพักและวางแผนเตรียมการหลอกเหยื่อรอบใหม่ หลังจากหลอกลวงหญิงสาวรายหนึ่งซึ่งเป็นผู้เสียหายและชักชวนให้เล่นการพนันกำถั่วจนเสียเงินกว่า 3.1 ล้านบาท และยังติดหนี้พนันอีกกว่า 2 ล้านบาท

จากการเข้าตรวจสอบพบบุคคลตามหมายจับ 2 ราย คือ นางสุจิรา ยอดยิ่ง อายุ 55 ปี ชาว อ.บึงพระ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ในความผิดฐานรวมกันฉ้อโกง และร่วมกันปล้นทรัพย์ ในพื้นที่ภาคใต้ จำนวน 7 หมาย ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา อีกราย คือ นายเสรีย์ สังพุทธทอง ผู้ต้องหาตามหมายจับ 2 หมายจับ ของสภ.ถลาง เจ้าหน้าที่จึงนำตัว ส่งสภ.ถลาง เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย ส่วนผู้ร่วมขบวนการอีก 2 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ได้ 1 คน คือ นายยงยุทธ หรือชัย ทองคำ และ ผู้ต้องหาที่หลบหนีไปได้ คือนายสมชาย อินทวงศ์ พนักงานสอบสวนสภ.ถลาง อยู่ระหว่างการขออนุมัติออกหมายจับ

ด้าน นางเอ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นผู้เสียหายกล่าวว่า เริ่มต้นจากวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายสมชาย หรือแชมป์ หรือกว้าง อินทวงศ์ ได้ทำทีมาติดต่อธุรกิจ ก่อนจะแนะนำให้พบกับนางสุจิรา หญิงอีกคนซึ่งอ้างตัวว่าเป็นเลขาของนักธุรกิจรายใหญ่ ที่เรียกว่าเสี่ย หรือ นายเสรีย์ สังพุทธทอง หลังพูดคุยดูเกี่ยวกับการออกแบบสินค้า และต้องการสั่งของไปดำเนินธุรกิจจำนวนมาก จากนั้นอ้างว่าจะพาตนไปพบนายเสรีย์ ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.เชิงทะเล อ.ถลาง เพื่อคุยเรื่องการออกแบบงานกัน ตนจึงยอมไปด้วย โดยขึ้นไปกับรถของนายสมชาย เมื่อไปถึงรีสอร์ทก็พบกับ นายยงยุทธ อีก 1 ราย ระหว่างที่รอนายเสรีย์ อยู่เป็นเวลานาน ได้มีการเล่นการพนันกำถั่วไปด้วย

ซึ่งตนไม่ได้เล่น ก่อนที่นายเสรีย์ จะมาถึงและแสดงวาจาถากถางเชิงดูถูกว่า “พวกคุณแต่งตัวอย่างนี้หรอจะมาทำธุรกิจกัน” และมีการท้าทายกันเล่นพนักกัน ตัวละครทั้ง 3 คือนายสมชาย นางสุริรา และนายยงยุทธ ได้แสดงความไม่พอใจและมีการปรึกษากันว่าจะหลอกเล่นการพนันให้หมดตัว เพื่อเอาคืนที่นายเสรีย์ ดูถูก โดยมีการอ้างว่าจะรวบรวมเงิน 8 ล้านบาท เพื่อเล่นพนันกัน แต่ยังขาดเงินบางส่วนจึงชวนตนร่วมด้วย ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เล่นแต่สามารถให้ยืมเงินได้ นายสมชาย จึงพาไปเบิกเงินสดมา 1.1 ล้านบาท โดยที่ไม่เห็นเงินของผู้อื่นเลยว่ามีจำนวนเท่าไหร่ ก่อนจะเริ่มเล่นพนัน โดยช่วยแรกนายเสรีย์ เป็นฝ่ายแพ้ และมีการเพิ่มเงินครั้งละมากๆ กระทั่งเล่นไปครบ 10 ครั้ง ปรากฏว่านายเสรีย์ชนะ ทำให้ต้องเป็นหนี้จำนวนมาก โดยตนเสียเงินรวมกว่า 3.1 ล้านบาท และเป็นหนี้อีก 2 ล้านบาท ซึ่งหน้าม้าทุกคนต่างแสดงความเสียใจจนตนเชื่อว่าเป็นการแพ้จริง ก่อนกลับมาและปรึกษาญาติ ก่อนตัดสินใจแจ้งไปที่กองปราบปราม

พ.ต.อ.สมพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังผู้เสียหายรายดังกล่าวซึ่งได้ประสานขอให้เจ้าหน้าที่ กก.6 บก.ป. ช่วยเหลือจึงให้คำแนะนำผู้เสียหายทำตามที่แก็งควายบอก คือนัดหมายให้มีการแก้มือกันใหม่ ในวันนี้ก่อนเจ้าหน้าที่จะนำกำลังเข้าจับกุม แต่ผู้เสียต้องหา 1 ราย คือ นายสมชาย หลบหนีไปได้

อย่างไรก็ตามจากข้อมูลทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวมีอยู่ประมาณ 100 กลุ่ม ทั่วประเทศ เฉลี่ยกลุ่มละ 4 คน มีการผลัดเปลี่ยน วนเวียนก่อคดีไปทั่วประเทศมานับไม่ถ้วน และใช้วิธีการประมาณ 3 – 4 แบบ คือ 1.ฉ้อโกงเล่นการพนันกำถั่ว 2.ฉ้อโกงหลอกว่าถูกล็อตเตอรี่ 3.คือแก็งตกทอง และอื่นๆ โดยแบบวันนี้ คือฉ้อโกงเล่นการพนันกำถั่ว โดยจะเลือกเหยื่อที่มีฐานะ ชักชวนในรูปแบบต่างๆ จนเสียทรัพย์สิน ฝากเตือนไปยังประชาชน อย่าหลงเชื่อคนง่ายเพราะปัจจุบัน รูปแบบกลโกงมีสารพัดแบบ ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ แต่จะทำให้เสียทุกอย่างไปง่ายๆ ซะมากกว่า

สำหรับ นายสมชาย มีประวัติถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ถลาง จับกุมตัวในคดีฉ้อโกง เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังร่วมกับ นางสุจิรา และ นายเสรีย์ หลอกผู้เสียหายเล่นการพนันจนเสียเงินไปกว่า 9 แสนบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ถลาง ได้วางแผนจับกุม นายสมชาย ได้เพียง 1 คน ส่วนอีก 2 คนหลบหนีไป ก่อนมาถูกจับครั้งนี้รวมระยะเวลาเพียง 6 เดือนเศษ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน