วันที่ 13 ธ.ค. นายชูเกียรติ พงศ์ศิริวรรณ ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 (ลำปาง) และ นายสุเทพ พุทชา ผอ.ส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า พร้อมด้วย พ.อ.สมศักดิ์ เตชะสืบ รอง ผอ.กอ.รมน.จ.ลำปาง นำกำลังเจ้าหน้าที่สารวัตรทหาร มณฑลทหารบกที่ 32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี เจ้าหน้าที่สายตรวจป้องกันและปราบปรามการทำลายทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 ลำปาง เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปราบ ภาคเหนือ กรมป่าไม้ ตำรวจ กก.4 บก.ปทส. ตำรวจ ศปทส.ภ.5 ตำรวจ นปพ.กก.สส.ภ.จว.ลำปาง ตำรวจ ตชด.33 เชียงใหม่ ตำรวจ สภ.ทุ่งฝาย ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ต.ต้นธงชัย อ.เมือง จ.ลำปาง เข้าตรวจยึดพื้นที่บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ตุ่ยฝั่งซ้าย (หรือป่าแม่เมาะแปลง 2) โดยการเข้าตรวจยึดเป็นไปตามคำสั่งศาลปกครองเชียงใหม่ ตามที่ได้มีคำพิพากษาคดีให้กรมป่าไม้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 กำหนดให้ต้องปฏิบัติในการดูแลรักษาและดำเนินการคุ้มครองป้องกันที่ดินป่าสงวนแหงชาติป่าแม่ตุ๋ยฝั่งซ้าย (ป่าแม่เมาะแปลง 2) จำนวน 6 แปลง พื้นที่ป่ากว่า 500 ไร่

โดยแปลงที่ 1 ถึงแปลงที่ 5 ที่นำกำลังเข้าตรวจยึด อยู่ในท้องที่บ้านแพะกู่คำ หมู่ 3 ต.ต้นธงชัย อ.เมือง จ.ลำปาง คือไร่ “ณ เณร” ในเขตป่าแม่ตุ่ยฝั่งซ้าย (แม่เมาะแปลง 2) พื้นที่ป่าถูกบุกรุกครอบครอง เนื้อที่ 267 ไร่ 2 งาน 32 ตารางวา ทั้งหมดกลายสภาพเป็นบ่อลูกลังขนาดใหญ่ ไม่พบกลุ่มผู้กระทำผิดและได้มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปเกือบทั้งหมดแล้ว จุดที่ 2 บริเวณสวนยูคาลิปตัสจำนวน 14 ไร่ 2 งาน 40 ตารางวา พบว่ามีการปลูกและตัดต้นไม้ไปแล้ว และไม่พบตัวผู้กระทำผิด จุดที่ 3 สวนติดหนองน้ำ พื้นที่ 40 ไร่ 2 งาน53 ตารางวา พบเพียงบ้านร้างไม่พบตัวผู้กระทำผิด จุดที่ 4 สวนและพื้นที่ขุดดินลูกรัง พื้นที่ป่าถูกบุกรุกครอบครอง เนื้อที่ จำนวน 136 ไร่ 3 งาน 09 ตารางวา

จุดที่ 5 สวนริมน้ำ 75 ไร่ จุดนี้พบบ้าน 1 หลัง และมีการปรับพื้นที่ปลูกเป็นสวนมะขาวหวานและผลไม้ต่างๆ แต่ไม่พบตัวผู้กระผำผิด และ จุดที่ 6 ฟาร์มหมู ท้องที่บ้านศรีดอนไชย หมู่ 5 ต.ต้นธงชัย อ.เมือง จ.ลำปาง จุดนี้เจ้าหน้าที่พบว่าน่าจะมีการเคลื่อนย้ายทรัพย์สินและคนงานทั้งหมดก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปถึง เพราะมีบ้านพักคนงานมีการขนย้ายที่นอนหมอนมุ้งไปทั้งหมด และในพื้นที่มีฟาร์มเลี้ยงหมูระบบปิดขนาดใหญ่หลายโรงเรือน และพบว่ามีอยู่ 1 โรงเรือนที่ ยังมีหมูรุ่นอยู่มากว่า 700 ตัวที่อยู่ภายในฟาร์ม คาดว่าเจ้าของและคนงานขนย้ายไม่ทันจึงทิ้งไว้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะได้ประสานส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดูแล และหาทางออกในการดูแลหมูรุ่นเหล่านี้ต่อไป

สำหรับพื้นที่ความเสียหายของผืนป่าครั้งนี้มากถึง 581 ไร่เศษ มูลค่าความเสียหายของรัฐกว่า 33 ล้านบาท เบื้องต้นได้ประสาน ตำรวจ สภ.ทุ่งฝาย เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมหากมีผู้มาแสดงตัว ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 ประกอบ ๗72 ตรี ฐาน “ก่อสร้าง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต” และประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 9 มาตรา 108 ทวิ ฐาน “เข้าไปยึดถือ ครอบครอง รวมตลอดถึงการก่นสร้าง หรือเผาป่า ทำด้วยประการใดให้เป็นการทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ที่หิน ที่กรวด หรือที่ทราย หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเป็นอันตรายแก่ทรัพยากรในที่ดิน” ไว้แล้วในขณะนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน