ปอศ.บุกรวบสาวใหญ่ โกงภาษีกว่า 7 ล้านบาท อ้างนายจ้างให้เปิดบัญชี รับเงินค่าสินค้า เจ้าหน้าที่ชี้ทำผิดกฎหมายต้องถูกดำเนินคดี อ้างนายจ้างไม่ได้

เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2564 พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.คงกฤช เลิศสิทธิกุล รอง ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.ธรรมปพน ชาวกำแพง ผกก.2 บก.ปอศ. พร้อมชุดปฏิบัติการ กก.2 บก.ปอศ. ร่วมจับกุม น.ส.ศิริพร วงศ์สว่างรัศมี อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1885/2561 ลงวันที่ 23 ส.ค.61 ในข้อหา “โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน หลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร” โดยจับกุมได้ที่หน้าเรือนจำทัณฑสถานหญิงกลาง ถนนงามวงศ์วาน กรุงเทพฯ

สืบเนื่องจากเมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา ผู้ต้องหาถูกนายจ้างชาวสิงคโปร์สั่งให้ลงชื่อเป็นกรรมการในบริษัทแห่งหนึ่ง พร้อมให้ผู้ต้องหาเปิดบัญชีธนาคารให้ ซึ่งผู้ต้องหาเห็นว่าเป็นนายจ้างและไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไรจึงได้ยอมทำตาม ต่อมานายจ้างได้นำบริษัทดังกล่าวไปนำเข้าสินค้าหนีภาษี และนำบัญชีที่ผู้ต้องหาเปิดให้ไปใช้ในการรับเงินที่ได้จากการกระทำความผิด

ภายหลังผู้ต้องหาถูกเจ้าหน้ากรมศุลกากรจับกุมตาม พ.ร.บ.ศุลกากร 2560 ในข้อหานำของเข้ามาหลีกเลี่ยงอากร ศาลจึงตัดสินจำคุก 20 ปี แม้ผู้ต้องหาจะอ้างว่าทำตามที่นายจ้างสั่ง แต่ก็ต้องรับโทษจำคุก 6 ปี ส่วนนายจ้างชาวสิงคโปร์ยังไม่ถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด

ต่อมาเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรตรวจพบว่าในระหว่างที่ผู้ต้องหาเป็นกรรมการบริษัทนั้น มีการฝากเงินเข้าบัญชีธนาคารเป็นจำนวนมากในช่วงระหว่างปี พ.ศ.2552-2554 แต่เวลาแจ้งภาษีเงินได้กลับไม่แจ้งให้กรมสรรพากรทราบ จึงแจ้งดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในความผิด “แสดงความเท็จ ฉ้อโกง หรืออุบาย เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร อันเป็นความผิดตาม มาตรา 37 แห่งประมวลรัษฎากร โดยผู้ต้องหาต้องรับผิดชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา พร้อมเบี้ยปรับเงินเพิ่มตามกฎหมาย รวมทั้งสิ้น 7,358,025.31 บาท ทางตำรวจ บก.ปอศ.จึงได้เข้าอายัดตัวเพื่อดำเนินคดีในส่วนนี้เพิ่มเติม

พล.ต.ต.พุฒิเดช กล่าวว่า อยากฝากเตือนลูกจ้างและพนักงานบริษัท อย่าคิดเพียงแค่ว่าเป็นคำสั่งของนายจ้างแล้วจึงทำตาม เพราะหากยอมให้นายจ้างใช้ชื่อเป็นกรรมการและเปิดบัญชี จนสุดท้ายถูกนำไปใช้ทำผิดกฎหมายก็จะถูกดำเนินคดี ไม่สามารถกล่าวอ้างถึงนายจ้างได้ อาจติดคุก หรือเป็นหนี้อีกด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน