ม่อนแจ่ม โต้อีกด้าน! ป่าไม้ บุกบ้านไม่มีหมายค้น หน่วย SWAT อาวุธครบมือ ล้อมประชาชนกลางดึก นายกฯ แม่แรม ถามป่าไม้มีหน้าที่ตรวจสอบอาคารหรือไม่

จากกรณีเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2565 เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้แม่ริม เจ้าหน้าที่ส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า เจ้าหน้าที่ศูนย์ป่าไม้เชียงใหม่ ประสานปลัดอำเภอแม่ริม เข้าสำรวจอาคารที่พักขนาดใหญ่ที่มีการก่อสร้างบริเวณบ้านหนองหอยใหม่ หมู่ 11 ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ (ม่อนแจ่มและพื้นที่ใกล้เคียง) ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจรวมตัวปิดล้อมเจ้าหน้าที่ กระทั่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5, ภ.จว.เชียงใหม่, สภ.แม่ริม พร้อมหน่วย S.W.A.T เข้าระงับเหตุ

อ่านข่าว ม่อนแจ่มวุ่น! ชาวบ้านกว่า 200 คน ปิดล้อมเจ้าหน้าที่ ต้องขอกำลัง ตร.ควบคุมสถานการณ์

ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2565 นายวิชิต เมธาอนันต์กุล นายกเทศมนตรีตำบลแม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า ในวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 13.00 น. ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีเจ้าหน้าที่ป่าไม้บุกรุกเข้าไปในเคหะสถาน ซึ่งเป็นบ้านของชาวบ้าน จำนวน 5 หลัง โดยไม่มีหมายค้น หรือแจ้งผู้นำชุมชนให้ทราบล่วงหน้า เมื่อสอบถามทราบว่าได้รับคำสั่งมาจากนายกมล นวลใย ผู้อำนวยการสํานักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) ให้เข้ามาตรวจสอบอาคารว่ามีการก่อสร้างถูกกฎหมายหรือไม่

นายวิชิต กล่าวต่อว่า บ้านทั้ง 5 หลังมีการสร้างอยู่อาศัยมานานแล้ว ไม่ได้เพิ่งมาก่อสร้าง ชาวบ้านจึงไม่พอใจที่จู่ๆ เจ้าหน้าที่ได้บุกรุกเข้าไป จึงรวมตัวเรียกร้องให้นายกมลออกมาขอโทษ ซึ่งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่บุกรุกเข้าไปก็กล่าวขอโทษ พร้อมทำข้อตกลงว่าจะมีการทำพิธีขอโทษตามประเพณี เนื่องจากประเพณีของชาวม้ง จะบุกรุกเข้าไปในบ้านคนอื่นโดยพลการไม่ได้ และจะต้องมีพิธีขอโทษ แต่ปรากฏว่านายกมลไม่ได้เดินทางมาพบชาวบ้าน และไม่มีการขอโทษตามประเพณีแต่อย่างใด

นายวิชิต กล่าวอีกว่า สถานการณ์เริ่มตึงเครียดมากขึ้น เนื่องจากชาวบ้านไม่พอใจที่นายกมลไม่ยอมมาขอโทษชาวบ้าน จึงทยอยมารวมตัวกันมากขึ้น กระทั่งนายอำเภอแม่ริม พร้อมด้วย ผกก.สภ.แม่ริม และเจ้าหน้าที่หน่วย S.W.A.T อาวุธครบมือ เข้ามาปิดล้อมชาวบ้านที่กำลังชุมนุมอยู่ จากนั้นจึงมีการเจรจา พร้อมทำบันทึกข้อตกลงกันว่าจะมาทำพิธีขอโทษชาวบ้าน กระทั่งเหตุการณ์สงบในเวลาประมาณ 21.00 น.

นายวิชิต กล่าวต่อว่า ประเด็นแรกที่เจ้าหน้าที่ระบุว่า ชาวบ้านไม่พอใจที่มีการตรวจสอบอาคารนั้นไม่เป็นความจริง แต่ชาวบ้านไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่บุกรุกเข้าไปในเคหะสถาน โดยไม่มีหมายค้น จึงเรียกร้องให้นายกมลที่เป็นผู้ออกคำสั่งมาชี้แจง ส่วนประเด็นที่บอกว่าชาวบ้านปิดล้อมเจ้าหน้าที่ก็ไม่เป็นความจริง เพียงแต่รวมตัวเรียกร้องให้นายกมลมาชี้แจงและขอโทษชาวบ้านเท่านั้น ไม่ใช่ไม่ยอมให้เข้าตรวจสอบ แต่ชาวบ้านถูกบุกรุกเข้าไปในเคหะสถาน โดยไม่มีการแจ้งผู้ใหญ่บ้าน หรือแจ้งตนซึ่งเป็นนายกเทศมนตรี อีกทั้งไม่มีหนังสือคำสั่งตรวจค้นเป็นลายลักษณ์อักษรมาแสดง

“การที่เจ้าหน้าที่เข้าไปในเคหะสถานของชาวบ้าน โดยบุกรุกเข้าไปนั้นไม่น่าจะกระทำได้ ซึ่งความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านม่อนแจ่มและเจ้าหน้าที่มีมาต่อเนื่อง เนื่องจากภาครัฐอ้างว่าพื้นที่ม่อนแจ่ม จำนวน 3 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านหนองหอยใหม่ บ้านหนองหอยเก่า และบ้านแม่ขิ ต.แม่แรม รวม 2,800 ไร่ ทับซ้อนกับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ขณะที่ชาวบ้านบอกว่าอยู่มาก่อนการประกาศ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติฯ”

นายวิชิต เมธาอนันต์กุล นายกเทศมนตรีตำบลแม่แรม

นายวิชิต กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2542 พื้นที่ดังกล่าวถูกประกาศให้เป็นพื้นที่พิพาทตามมติ ครม. และรอการพิสูจน์สิทธิการครอบครอง จนมาถึงปัจจุบันเจ้าหน้าที่ยังไม่มีการดำเนินการพิสูจน์สิทธิแต่อย่างใด ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่เคยเข้ามาตรวจสอบในลักษณะนี้และกดดันชาวบ้าน ทั้งการพยายามตัดสัญญาณโทรศัพท์ ตัดกระแสไฟฟ้า และตัดน้ำ กระทั่งเกิดเหตุการณ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2565 ตนกลัวว่าอาจเป็นจุดเริ่มต้นของความรุนแรงขึ้นได้

“จากการที่ผมเข้าร่วมประชุมกับหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ เคยเสนอไปแล้วว่าหากเจ้าหน้าที่รัฐจะเข้ามาตรวจสอบ ควรแจ้งผู้นำท้องถิ่นก่อน ไม่ใช่บุกรุกเข้าไปในเคหะสถานของชาวบ้านโดยพลการ การที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้อ้างว่าต้องการเข้าไปตรวจสอบว่าเป็นบ้านของใคร สร้างถูกกฎหมายหรือไม่นั้น ตามกฎหมายแล้วการตรวจสอบอาคารหรือการตรวจสอบการก่อสร้างบ้าน เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ป่าไม้หรือไม่ อยากฝากถึงผู้บังคับบัญชาทุกหน่วยงานว่า ปลายกระบอกปืนไม่สามารถสร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้นได้” นายวิชิต ระบุ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน