จากกรณีมีการแชร์ในโลกออนไลน์ว่ามีการร้องเรียนให้ไปตรวจสอบเหตุผัวก่อเหตุสลดฆ่าเมียต่อหน้าลูกสาว ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ซึ่งทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ออกไปอย่างกว้างขวาง ล่าสุดวันที่ 10 ม.ค. เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหนองบัวแดง รพ.สต.ห้วยหัน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่นักจิตนักสังคมของบ้านพักเด็กและครอบครัว จังหวัดชัยภูมิ และครูประจำชั้นของ ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 7 ปี ลงพื้นที่บ้านเลขที่ 36 หมู่ 7 บ้านโนนตูม ต.วังชมภู อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ ซึ่งบ้านพักของญาติ ก่อนที่จะพาไปบ้านที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านถึง 3 กม.

โดยสภาพเป็นบ้านเก่ายกพื้นสูงอยู่ใต้ต้นมะขามไม่มีน้ำและไฟฟ้าใช้ พบนายบุญยัง เจริญพร อายุ 42 ปี พร้อมญาตินั่งอยู่ ก่อนเปิดเผยเรื่องดังกล่าวให้เจ้าหน้าที่ฟังว่า ตนได้ออกมาอยู่กับ น.ส.คำพลอย โตแป้น อายุ 43 ปี ภรรยา ที่ไร่ของตนนานกว่า 5 ปี โดยมีลูกสาวปัจจุบันอายุ 7 ปี อยู่ด้วย ซึ่งตนและภรรยามีอาชีพรับจ้างทั่วไป รับจ้างตัดอ้อยในพื้นที่ อ.หนองบัวแดง ซึ่งเป็นอาชีพหลักเลี้ยงครอบครัวมาโดยตลอด ส่วนภรรยาเป็นคนชอบดื่มสุรา หลายครั้งตนต้องพากลับมาบ้านด้วยความเมา

ซึ่งในวันเกิดเหตุเมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา ภรรยาของตนได้ดื่มเหล้าจนเมา ตนได้พาภรรยาขึ้นไปนอนพร้อมลูกสาวตามปกติจนถึงเวลาเกือบตี 4 ตนตื่นนอนมาล้างหน้าล้างตาเตรียมตัวจะออกไปทำงาน ก็ได้เข้าไปปลุกภรรยาให้ตื่น แต่ก็ไม่มีการตอบสนอง จึงเขย่าตัวพบว่าแขนขาอ่อนแรง จึงบอกลูกสาวให้ไปบอกญาติในหมู่บ้านมาช่วยพาภรรยาส่งโรงพยาบาล แต่ก็พบว่าภรรยาเสียชีวิตไปแล้ว พอหลังภรรยาเสียชีวิตก็ได้ทำพิธีทางศาสนาและฌาปนกิจไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะพาลูกสาวไปอยู่กับญาติในหมู่บ้าน แต่ลูกสาวก็ไม่ยอมไปเพราะติดตนมาก

ด้าน นายอนันธนวิชญ์ อนุศาสนัน หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า หลังทราบเรื่องดังกล่าว ทางเราได้ส่งเจ้าหน้าที่นักจิตนักสังคม ร่วมประสานกับโรงพยาบาลหนองบัวแดง รพ.สต.ห้วยหัน และกองทุนสวัสดิการ บ้านโนนตูม ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข่าวกระแสข่าวพ่อฆ่าแม่ต่อหน้าลูกที่ จ.ชัยภูมินั้น พบว่าได้ลงคาดเคลื่อนจากความเป็นความจริงเพียงแต่เสียชีวิตลงเพราะโรคประจำตัว และยังไม่พบร่องรอยถูกทำร้ายแต่อย่างใด จึงเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตลงกระทันหัน

ซึ่งทางบ้านพักเด็กจังหวัดชัยภูมิได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบ สุขภาพจิตของเด็กก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ โดยเด็กมีความปกติดีมีนิสัยร่าเริง ยิ้มแย้มแจ่มใส พูดเก่ง และมีความสนิทสนมกับพ่อมากเป็นพิเศษ และเนื่องจากบ้านพักของเด็กและพ่ออยู่ลึกเข้าไปในป่าอ้อยเจ้าหน้าที่เดินทางเข้าไปตรวจสถานที่พบว่าไม่มีไฟฟ้าไม่มีน้ำประปา และต้องอยู่กันสองคนพ่อลูก ในเบื้องต้นยังจะไม่ใช้มาตรการแยกเด็กไปดูแล แต่จะใช้แนวทางชุมชนบำบัดให้ญาติและผู้ใหญ่ในพื้นที่ช่วยดูแลไปพร้อมกับพ่อและมีการเฝ้าสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจปรึกษาญาติหาทางออกที่ดีที่สุด ท้ายที่สุดให้เด็กอยู่พักที่บ้านญาติใกล้โรงเรียนให้ญาติเป็นคนดูแลไปก่อน โดยมีพ่อร่วมดูแลเด็กด้วยระหว่างการสังเกตพฤติกรรมในเบื้องต้นต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน