เมื่อวันที่ 31 ม.ค. พระราชสิริมุนี เจ้าคณะจังหวัดภูเก็ต, พระครูเมตตาภิรม เจ้าคณะอำเภอเมืองภูเก็ต, พระครูพรหมประภัสสร เจ้าคณะอำเภอถลาง รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระนางสร้าง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยนายวิญญา ปลัดขวา ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดภูเก็ต นายทวี หอมหวล โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดภูเก็ต นายปิยวัฒน์ จิรจามรนายกเทศมนตรีตำบลเทพกระษัตรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมสังเกตการณ์และวางแนวทางในการรื้อถอนรูปหล่อหลวงพ่อแช่ม วัดฉลองหรือวัยไชยธาราราม เกจิชื่อดังของจังหวัดภูเก็ต ขนาดความสูง 30 เมตร ซึ่งมีการก่อสร้างไว้บริเวณหน้าวัดพระนางสร้าง

เนื่องจากมีการร้องเรียนผ่านโซเซียลมีเดียว่า รูปหล่อหลวงพ่อแช่มดังกล่าว มีขนาดไม่สมส่วน และเป็นสิ่งก่อสร้าง 1 ใน 17 รายการ ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาวัดพระนางสร้าง ที่ได้รับการแต่งตั้งจากที่ประชุมคณะสงฆ์จังหวัดภูเก็ต มีมติให้ทำทุบทำลาย รื้อถอน ก่อนที่จะมีการภูมิทัศน์พื้นที่บริเวณรอบวัด


อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ได้มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบางรายการที่อยู่บริเวณรอบฐานองค์หลวงพ่อแช่มไปแล้ว เช่น อาคารเก๋งจีน รูปปั้นเซียน รูปปั้น รูปปั้นพระพิฆเนศ เป็นต้น โดยในครั้งนี้ได้มีการนำเครื่องจักรหนัก เช่น รถแบคโฮ เป็นต้น และคนงาน ลงพื้นที่โดยเริ่มจากการใช้ลวดสลิงรัดบริเวณมือซ้ายซึ่งถือไม้เท้าให้หักลงมา จากนั้นจึงได้ใช้สายสลิงรัดในส่วนลำตัวท่อนบนเพื่อดึงให้ร่วงหล่นลงมา แต่ปรากฏว่าไม่สำเร็จ เนื่องจากสายสลิงมีขนาดเล็ก และระหว่างนั้นก็ได้มีฝนตกลงมาประมาณ 15 นาที

จากนั้นได้เปลี่ยนแผนเป็นการนำสายสลิงรัดบริเวณมือขวาซึ่งถือพัดยศให้ร่วงลงมา โดยครั้งแรกไม่สำเร็จเนื่องจากสายสลิงขาด แต่สุดท้ายก็สามารถดำเนินการจนสำเร็จ ต่อจากนั้นได้วางแผนว่าจะใช้วิธีเดียวกันเพื่อดึงในส่วนของเศียรลงมา แต่ปรากฏว่าไม่สำเร็จเพราะสายสลิงขาดถึง 2 ครั้ง จึงได้มีการวางแผนกันใหม่ โดยใช้รถแบคโฮกะเทาะเอาส่วนของนิลและปูนที่เคลือบองค์พระออกและเจาะเสาค้ำซึ่งห่อไว้ด้วยเหล็กเส้นเพื่อยึดองค์พระไว้ออก จากนั้นก็ใช้รถแบคโฮกะเทาะพนักเก้าอี้ก่อนที่องค์พระจะพังคลืนลงมาทั้งองค์ โดยมีประชาชนมาคอยเฝ้าสังเกตการณ์และติดตามการรื้อถอนเป็นจำนวนมาก


นายวิญญา ปลัดขวา ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า ผลการดำเนินการทุกอย่างสำเร็จ เป็นไปตามแผน ที่โยธาธิการกำหนดรายละเอียดวิธีการไว้ ซึ่งปลอดภัยและกระทบกับสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ส่วนแนวทางหลังจากนี้นั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่เป็นพื้นที่ขึ้นทะเบียนของกรมศิลปากรจะทำการปรับพื้นที่ให้เรียบร้อยก่อนส่งมอบให้กรมศิลปากร

ส่วนกรมศิลปากรจะดำเนินการอย่างไรต่อนั้นก็เป็นอำนาจของกรมศิลปากรเองจะพิจารณา ส่วนที่สอง ซึ่งเป็นพื้นที่ของวัดนั้น จะให้วิศวกรของโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดมาออกแบบแผนผัง หรือ มาสเตอร์แปลนให้ ก่อนจัดปรับปรุงให้คืนสู่สภาพดั้งเดิม ให้เป็นวัดประวัติศาสตร์สมัยที่ย่ามุกย่าจัน (ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร ) เคยใช้เป็นกองบัญชาการการรบกับข้าศึก โดยจะมีคนเฒ่าคนแก่ในพื้นที่มาช่วยให้ข้อมูลเพื่อที่จะนำมาออกแบบและปรับสภาพให้ใกล้เคียงสมัยโบราณมากที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน