หนุ่มวัย15 โดนทำร้าย หินฟาดตาแตก ทั้งที่ไม่รู้จักกัน อ้างไม่พอใจเพื่อนรุ่นพี่ แต่มาทำร้ายคนอื่น หวั่นตามองไม่เห็นเหมือนเดิม

วันที่ 21 พ.ย. 65 นางละมัย (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี ชาว อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ พร้อมด้วย นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี ลูกชาย ขอความเป็นธรรม หลังจากลูกชาย ถูกนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ทำร้ายร่างกายด้วยการใช้ก้อนหินฟาดบริเวณเบ้าตาด้านซ้าย จนจอประสาทตาฉีกขาด ตาดำเป็นรู และมีแผลฉีกขาดที่หนังตาซ้ายเย็บ 5 เข็ม เหตุเกิดเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 17 ต.ค. 65 ที่ผ่านมา ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกับผู้ก่อเหตุ ผ่านมากว่า 1 เดือน ก็ยังไม่มีความคืบหน้า คู่กรณียังไม่จ่ายเงินเยียวยา ให้แค่เงินค่าเดินทางไป รพ.เพียง 10,000 บาทเท่านั้น อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเร่งรัดคดีด้วย

จากการสอบถามผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ช่วงค่ำวันเกิดเหตุ ตนกับเพื่อนรุ่นพี่ รวม 4 คน ออกไปเล่นด้วยที่สนามกีฬาหน้าเทศบาลตำบลพุทไธสง ต่อมา นายเอ ผู้ก่อเหตุ ซึ่งเคยรู้จักกับเพื่อนของตน แต่ตนไม่เคยรู้จัก ได้ขี่รถจยย.มาจอดเทียบ โดยเพื่อนก็ยกมือไหว้แล้วถามว่า จะกลับแล้วเหรอพี่ แต่นายเอ ไม่ได้ตอบอะไรกลับเดินลงจากรถถือก้อนหินมาฟาดเข้าที่เบ้าตาตนอย่างแรง ตอนนั้นตนนั่งเล่นมือถืออยู่ จึงรีบไปขอความช่วยเหลือจากรุ่นพี่ที่มาออกกำลังกาย

หลังก่อเหตุนายเอ ก็ขี่รถหลบหนีไป จากนั้นเพื่อนรุ่นพี่ก็พาตนไปหาหมอที่ รพ.พุทไธสง ก่อนจะโทรบอกแม่ แล้วถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.บุรีรัมย์ เพราะหมอบอกว่าจอประสาทตาฉีกขาด

ยืนยันว่าตนไม่เคยรู้จักกับผู้ก่อเหตุ แต่นายเอ ไปให้การกับตำรวจอ้างว่าที่ก่อเหตุ เพราะไม่พอใจที่เพื่อนของตนไปโพสต์ด่าในเฟซบุ๊ก ซึ่งตนก็ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ก็ยังงงว่าทำไมถึงมาทำร้ายตน ถ้าไม่พอใจเพื่อน ทำไมไม่ตีเพื่อนของคน ตอนนี้กังวลว่าตาจะมองไม่เห็นเหมือนปกติ

ด้าน นางละมัย กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตำรวจได้เรียกไปพูดคุยกัน ซึ่งตนก็เรียกค่ารักษาไปเบื้องต้น 100,000 บาท แต่หากต้องรักษาต่อเนื่องเป็นเวลานานก็ต้องดูแลตามความเป็นจริง แต่ผู้ปกครองคู่กรณีอ้างว่าจะจ่ายก็ต่อเมื่อมีใบแพทย์ระบุค่ารักษาก่อน แต่ให้เงินมา 10,000 บาทเป็นค่าเดินทาง แต่ผ่านมากว่า 1 เดือน ตนต้องหยิบยืมเงินญาติและคนรู้จักเป็นค่าใช้จ่ายพาลูกไปรักษาที่ รพ.บุรีรัมย์ และ รพ.รามาธิบดีหลายหมื่นบาทแล้ว

ล่าสุดค่าผ่าตัดรักษาจอประสาทฉีกขาด และเปลี่ยนเลนตาดำที่ รพ.รามาฯ กว่า 15,000 บาท ก็ยังไม่มีจ่ายต้องทำเรื่องขอผ่านจ่ายเดือนละ 500 บาท เป็นเวลา 2 ปี กว่าทั้งต้องขาดรายได้เพราะต้องปิดร้านเสริมสวยพาลูกไปรักษา ก็อยากให้ ตร.เร่งรัดคดี และวอนคู่กรณีให้เห็นใจด้วย

ขณะที่ พ.ต.อ.สมยศ ฟื้นชัยภูมิ ผู้กำกับการ สภ.พุทไธสง กล่าวว่า เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหาย คู่กรณี และพยานแวดล้อมครบทุกปากแล้ว และได้แจ้งข้อกล่าวหาคนก่อเหตุแล้ว คือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ยังรอเอกสารใบความเห็นจากแพทย์ รพ.บุรีรัมย์ เพื่อประกอบสำนวนคดี

หากแพทย์ระบุว่าบาดเจ็บสาหัส ก็จะได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติม ซึ่งคดีนี้ไม่ได้ซับซ้อนอะไร อย่างไรก็ตามเพื่อความสบายใจของผู้เสียหาย ก็จะได้ทำเรื่องเร่งรัดไปยังทาง รพ.เพื่อขอใบความแพทย์มาประกอบสำนวน เพื่อจะได้สรุปสำนวนส่งอัยการต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน