หลังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ คลิปภาพเหตุการณ์การทะเลาะวิวาทกันระหว่างผู้ใช้รถใช้ถนน กับคนขับรถสองแถวสีส้ม สายปิ่นทอง – สมุทรสาคร ซึ่งในคลิปนอกจากจะได้ยินเสียงการพูดจาตอบโต้กัน และทางฝ่ายของคนขับรถอีกคันยอมกล่าวคำขอโทษ แต่ผู้ขับรถสองแถวนั้นกลับโมโหและชกต่อยอีกฝ่ายหนึ่ง จากนั้นก็มีเสียงเด็กร้องไห้เสียงดังตามมา ระบุว่า “เรื่องมีอยู่ว่าคือวันนี้เราเพิ่งกลับจากเยี่ยมญาติที่โรงพยาบาลมหาชัย 1 มุ่งหน้าเข้าโพธิ์แจ้เพื่อจะไปรับน้องกลับบ้าน น้าเราก็ขี่รถมาดีๆ แล้วมีรถสองแถวสีส้ม ปิ่นทอง – สมุทรสาคร กำลังจะยูเทิร์น แล้วรถน้าเรากับรถสองแถวสีส้ม ขี่มาประจบกันพอดีแล้วเขาก็บีบแตรใส่ แล้วก็ขี่มาปาดหน้ารถเรา

อ่านข่าวเก่า : สองแถวหัวร้อนสุดขีด เปลี่ยนเลนไม่ได้ตามมาปาดหน้า คู่กรณีขอโทษไม่ชนต่อย ต่อหน้าเด็กร้องลั่น(คลิป)

น้าเราเปิดกระจกรถลงแล้วก็ขอโทษพี่เขาดีๆ พูดดีๆ ด้วย เพราะไม่อยากมีเรื่อง เพราะน้าเราจะรีบไปรับน้อง เพราะมันค่ำแล้วแต่พี่คนขับรถสองแถวไม่ยอม เลยขี่รถปาดหน้าอีก แล้วก็ลงจากรถมาด่า มาชกน้าเรา แถมอีกอย่างก็เมาด้วย ได้กลิ่นเหล้าเต็มๆ แต่เขากลับไม่ยอมขี่รถปาดหน้าหลายครั้ง แถมยังขี่รถตามน้าเรากลับบ้าน เพื่อจะมาหาเรื่องครั้งที่ 2 อีกด้วย แถมยังด่าพี่คนที่มาห้ามอีก # ใจร้อนไม่พอ เมาแล้วยังขับรถอีก รถสองแถวสีส้มปิ่นทอง – สมุทรสาคร เบอร์รถ 63 # นั้น

เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. วันที่ 9 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางชริตว์จาร์ คล่องการยิง ขนส่งจังหวัดสมุทรสาคร ได้มอบหมายให้นายสหชาติ คำพูน หัวหน้ากลุ่มวิชาการขนส่ง สำนักงานขนส่งจังหวัดสมุทรสาคร เป็นผู้ดำเนินการสอบข้อเท็จจริง ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้เรียกให้ผู้ประกอบการขนส่ง สายปิ่นทอง –สมุทรสาคร คือบริษัทท่าจีน จำกัด แจ้งให้ผู้ขับรถคันดังกล่าว มาให้ปากคำต่อทางสำนักงานขนส่งจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อพิจารณาโทษตามกฎหมายของกรมการขนส่ง

ซึ่งต่อมานายเอกนรินทร์ อ่างทอง อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/14 หมู่ที่ 3 ต.บางน้ำจืด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร คนขับรถสองแถวเบอร์ 63 ก็ได้เข้ามาพบและให้ปากคำว่า ในวันเกิดเหตุนั้นตนไม่ได้นำรถออกไปขับรถรับจ้าง เพราะรถเสีย และพึ่งจะซ่อมเสร็จ ซึ่งพอหลังจากที่ไปรับรถที่ซ่อมเสร็จแล้ว ก็กำลังจะนำกลับเข้าบ้าน แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุปรากฏว่า เจอรถอีกคันขับมาประกบอย่างกะทันหัน หากตนเบรกไม่ทันก็จะชนกับรถคันดังกล่าวได้ ดังนั้นจึงเกิดความโมโหขึ้นมา จนนำไปสู่เหตุการณ์ตามคลิป ซึ่งตนก็ขอยอมรับผิดในสิ่งที่กระทำลงไป และพร้อมที่จะรับโทษทางกฎหมายของกรมการขนส่งทางบก และของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ขอยืนยันว่าในวันเกิดเหตุ ตนไม่ได้ดื่มสุราอย่างแน่นอน

ครอบครัวผู้เสียหาย

ขณะที่นายสหชาติ กล่าวว่า หลังจากสอบข้อเท็จจริง ตรวจสอบเอกสาร และใบอนุญาตผู้ขับรถส่วนบุคคลชนิดที่ 2 (ใบขับขี่รถโดยสารสาธารณะ) ตลอดจนหลักฐานอื่นๆ แล้ว พบว่า นายเอกนรินทร์ กระทำผิดจริงแต่ไม่อยู่ในช่วงของการปฏิบัติหน้าที่ (รับส่งผู้โดยสาร) เพราะวันดังกล่าวไม่ได้นำรถออกมารับส่งผู้โดยสาร เพราะรถเสียนั้น ก็ได้มีการดำเนินการตามโทษของกรมการขนส่งทางบกฯ 4 ประการด้วยกันคือ 1.โทษปรับ 5,000 บาท ซึ่งเป็นโทษสูงสุด , 2.เข้ารับการอบรม 2 ชั่วโมง , 3.พักใบอนุญาตฯ เป็นเวลา 1 เดือน และ 4.หากพบมีการกระทำผิดซ้ำ จะต้องถูกเพิกถอนใบอนุญาต ผู้ขับรถส่วนบุคคลชนิดที่ 2 ทันที

นอกจากนี้ยังจะเรียกผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ ปิ่นทอง – สมุทรสาคร มารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีกด้วย เนื่องจากก่อนหน้าที่นายเอกนรินทร์ คนขับรถสองแถวในคลิป จะเดินทางมาให้ปากคำต่อเจ้าพนักงานขนส่งจังหวัดสมุทรสาครนั้น ทางสำนักงานขนส่งฯ ได้ลงพื้นที่ตั้งด่านตรวจรถสองแถวสายดังกล่าว แต่ปรากฏว่ามีรถสองแถวหลบหนีการตรวจของเจ้าพนักงาน และหลบเลี่ยงการตรวจมีหลักฐานอย่างชัดเจน ซึ่งตรงนี้นอกจากจะมีโทษต่อผู้ขับรถแล้ว ยังมีโทษถึงผู้ประกอบการขนส่งด้วย

นายเอกนรินทร์

 

และในเวลาเดียวกันทางด้านของผู้เสียหายคือ นายฮาโซ อายุ 43 ปี สัญชาติมอญ พร้อมน.ส.รำไพ บัวพวงชน อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100/138 ม.2 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร สองสามีภรรยา เจ้าของร้านอำไพพร ชัตเตอร์ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมชาย พัฒพันธ์ รองผกก.(สอบสวน) สภ.ย่อยบางน้ำจืด เพื่อแจ้งความเรื่องที่คนขับรถสองแถวสีส้ม ปิ่นทอง-สมุทรสาคร เบอร์ 63 หมายเลขทะเบียน 10-1812 สมุทรสาคร ทำร้ายร่างกายโดยใช้ฝ่ามือตบเข้าที่บริเวณใบหน้า โดยน.ส.รำไพ เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. ของวันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมาตนพร้อมสามี และลูกได้ไปเยี่ยมยายที่ รพ.มหาชัย1

จากนั้นสามีก็ได้ขับรถยี่ห้อโตโยต้ารีโว่ สีขาว หมายเลขทะเบียน 4 กฮ 4749 กทม. เพื่อกลับที่พัก และวิ่งชิดด้านซ้ายมาตามเส้นทางถนนเอกชัย-บางบอน จนมาถึงบริเวณซอยบ่อดิน ได้มีรถสองแถวกลับรถมาด้วยความเร็วจนเกือบเบียดรถตน จากนั้นวิ่งมาได้ประมาณ 100 เมตร ก็ขับมาพร้อมเปิดกระจกด่า และพอผ่านมาอีกสักพักก็ขับรถมาปาดหน้ารถตนอีก ซึ่งสามีตนก็ไปเปิดกระจกบอกขอโทษ แต่คนขับรถสองแถวไม่พอใจ กลับใช้ฝ่ามือตบเข้าที่ใบหน้าของสามีตน จากนั้นสามีก็วิ่งรถมาจอดบริเวณหน้าตลาดโพธิ์แจ้ ต.บางน้ำจืด อ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อที่จะมารับลูก

แต่ทางคนขับรถสองแถว ก็ขับมาจอดข้างหน้า และบอกว่าจอดรถจะมาหาเรื่องเขาหรอ ซึ่งตนบอกไม่ใช่ บอกมารับลูก สักพักระหว่างรอรับลูก คนขับรถสองแถวก็จอดรถ และเดินมาหาเรื่องสามีอีก ตนเลยเปิดกระจกถามว่าเมาหรือเปล่า ซึ่งพอเปิดกระจกรถมากลิ่นเหล้าของคนขับรถสองแถวหึ่งเลย แล้วพอดีลูกสาวมาก็เลยขึ้นรถขับออกไป แต่เขาก็ขับตามมาอีกเหมือนจะหาเรื่อง ตนเลยรีบให้สามีรีบขับเพื่อจะกลับที่พักก่อนจะแยกย้ายกันไป ซึ่งที่มาในวันนี้เพื่อมาแจ้งความให้ตำรวจตักเตือนเขาว่าทีหลังอย่าทำแบบนี้กับใครอีก

ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนที่จะออกหมายเรียกคนขับรถคันดังกล่าวมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน